๖. นกุลสูตร
[๒๘๗] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าเภสกาลามิคทายวัน
ใกล้นครสุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ สมัยนั้น นกุลบิดาคฤหบดีอาพาธมีทุกข์
เป็นไข้หนัก ครั้งนั้น นกุลมารดาคฤหปตานีได้กล่าวเตือนนกุลบิดาคฤหบดีว่า
ดูกรคฤหบดี ท่านอย่าเป็นผู้มีความห่วงใยกระทำกาละเลย เพราะการ
กระทำกาละของผู้มีความห่วงใยเป็นทุกข์ และพระผู้มีพระภาคก็ทรงติเตียน ดูกร
คฤหบดี ท่านจะพึงมีความห่วงใยอย่างนี้ว่า เมื่อเราล่วงไปแล้ว นกุลมารดาคฤห-
*ปตานี จักไม่สามารถเลี้ยงทารกดำรงการอยู่ครองเรือนไว้ได้ แต่ข้อนั้นท่านไม่พึง
เห็นอย่างนี้ เพราะดิฉันเป็นคนฉลาดปั่นฝ้าย ทำขนสัตว์ เมื่อท่านล่วงไปแล้ว
ดิฉันย่อมสามารถเลี้ยงทารก ดำรงการอยู่ครองเรือนไว้ได้ เพราะฉะนั้น ท่านอย่า
เป็นผู้มีความห่วงใยกระทำกาละเลย เพราะการกระทำกาละของผู้มีความห่วงใยเป็น
ทุกข์ และพระผู้มีพระภาคก็ทรงติเตียน ฯ
ดูกรท่านคฤหบดี ก็ท่านจะพึงมีความห่วงใยอย่างนี้ว่า เมื่อเราล่วงไปแล้ว
นกุลมารดาคฤหปตานี จักได้คนอื่นเป็นสามี แต่ข้อนั้นท่านไม่พึงเห็นอย่างนี้ ทั้ง
ท่านทั้งดิฉันย่อมรู้ว่า ได้อยู่ร่วมกันมาอย่างเคร่งครัดต่อระเบียบประเพณีตลอด ๑๖ ปี
เพราะฉะนั้นท่านอย่าเป็นผู้มีความห่วงใยกระทำกาละเลย เพราะการกระทำกาละ
ของผู้มีความห่วงใยเป็นทุกข์ และพระผู้มีพระภาคก็ทรงติเตียน ฯ
ดูกรคฤหบดี ก็ท่านจะพึงมีความห่วงใยอย่างนี้ว่า เมื่อเราล่วงไปแล้ว
นกุลมารดาคฤหปตานี จักไม่ต้องการเห็นพระผู้มีพระภาค ไม่ต้องการเห็นพระภิกษุ
สงฆ์ แต่ข้อนั้นท่านไม่พึงเห็นอย่างนี้เพราะดิฉันต้องการเห็นพระผู้มีพระภาคอย่างยิ่ง
และต้องการเห็นพระภิกษุสงฆ์อย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ท่านอย่าเป็นผู้มีความห่วงใย
กระทำกาละเลย เพราะการกระทำกาละของผู้มีความห่วงใยเป็นทุกข์ และพระผู้มี-
*พระภาคก็ทรงติเตียน ฯ
ดูกรคฤหบดี ก็ท่านจะพึงมีความห่วงใยอย่างนี้ว่า เมื่อเราล่วงไปแล้ว
นกุลมารดาคฤหปตานี จักไม่เป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล แต่ข้อนั้นท่านไม่พึง
เห็นอย่างนี้ เพราะบรรดาสาวิกาของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ที่ยังเป็นคฤหัสถ์
นุ่งห่มผ้าขาว กระทำให้บริบูรณ์ในศีล มีประมาณเท่าใด ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งใน
จำนวนสาวิกาเหล่านั้น ก็ผู้ใดพึงมีความสงสัยหรือเคลือบแคลง ขอผู้นั้นจงเข้าไป
เฝ้าทูลพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธะพระองค์นั้น ซึ่งกำลังประทับอยู่ที่
ป่าเภสกาลามิคทายวัน ใกล้นครสุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ แล้วจงทูลถามเถิด
เพราะฉะนั้น ท่านอย่าเป็นผู้มีความห่วงใยกระทำกาละเลย เพราะการกระทำกาละ
ของผู้มีความห่วงใยเป็นทุกข์ และพระผู้มีพระภาคก็ทรงติเตียน ฯ
ดูกรคฤหบดี ก็ท่านจะพึงมีความห่วงใยอย่างนี้ว่า นกุลมารดาคฤหปตานี
จักไม่ได้ความสงบใจ ณ ภายใน แต่ข้อนั้นท่านไม่พึงเห็นอย่างนี้ว่า เพราะพวก
สาวิกาของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ที่ยังเป็นคฤหัสถ์นุ่งห่มผ้าขาว ได้ความสงบ
ใจ ณ ภายใน มีประมาณเท่าใด ดิฉันเป็นคนหนึ่งในจำนวนสาวิกานั้น ก็ผู้ใด
พึงมีความสงสัยหรือเคลือบแคลง ขอผู้นั้นจงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคอรหันต-
*สัมมาสัมพุทธะพระองค์นั้น ซึ่งกำลังประทับอยู่ที่ป่าเภสกาลามิคทายวัน ใกล้นคร-
*สุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ แล้วจงทูลถามเถิด เพราะฉะนั้น ท่านอย่าเป็นผู้มี
ความห่วงใยกระทำกาละเลย เพราะการกระทำกาละของผู้มีความห่วงใยเป็นทุกข์
และพระผู้มีพระภาคก็ทรงติเตียน ฯ
ดูกรคฤหบดี ก็ท่านจะพึงมีความห่วงใยอย่างนี้ว่า นกุลมารดาคฤหปตานี
ยังไม่ถึงการหยั่งลง ยังไม่ถึงที่พึ่ง ยังไม่ถึงความเบาใจ ยังไม่ข้ามพ้นความสงสัย
ยังไม่ปราศจากความเคลือบแคลง ยังไม่ถึงความแกล้วกล้า ในธรรมวินัยนี้ ยังไม่
หมดความเชื่อถือต่อผู้อื่นในศาสนาของพระศาสดา แต่ข้อนั้นท่านไม่พึงเห็นอย่างนี้
เพราะพวกสาวิกาของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ที่ยังเป็นคฤหัสถ์นุ่งห่มผ้าขาว
ได้ถึงการหยั่งลง ได้ถึงที่พึ่ง ถึงความเบาใจ ข้ามพ้นความสงสัย ปราศจากความ
เคลือบแคลง ถึงความแกล้วกล้า ในธรรมวินัยนี้ ไม่มีความเชื่อถือต่อผู้อื่นใน
ศาสนาของพระศาสดา มีประมาณเท่าใด ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนสาวิกา
เหล่านั้น ก็ผู้ใดพึงมีความสงสัยหรือเคลือบแคลง ขอผู้นั้นจงเข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
*พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งประทับอยู่ที่ป่าเภสกาลามิคทายวัน
ใกล้นครสุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ แล้วจงทูลถามเถิด เพราะฉะนั้น ท่านอย่าเป็น
ผู้มีความห่วงใยกระทำกาละเลย เพราะการกระทำกาละของผู้มีความห่วงใยเป็นทุกข์
และพระผู้มีพระภาคก็ทรงติเตียน ฯ
ครั้งนั้นแล เมื่อนกุลบิดาคฤหบดีอันนกุลมารดาคฤหปตานีกล่าวเตือนนี้
ความเจ็บป่วยนั้นได้สงบระงับโดยพลัน และนกุลบิดาคฤหบดีได้หายจากการเจ็บ
ป่วยนั้น ก็และการเจ็บป่วยนั้น อันนกุลบิดาคฤหบดีละได้แล้วโดยประการนั้น
ครั้งนั้นนกุลบิดาคฤหบดีพอหายจากการเจ็บป่วยไม่นาน ถือไม้เท้าเข้าไปเฝ้าพระผู้-
*มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้-
*มีพระภาคได้ตรัสกะนกุลบิดาคฤหบดีว่าดูกรคฤหบดี เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดี
แล้ว ที่นกุลมารดาคฤหปตานีเป็นผู้อนุเคราะห์ หวังประโยชน์ กล่าวเตือนพร่ำ
สอนท่าน ดูกรคฤหบดี พวกสาวิกาของเราที่ยังเป็นคฤหัสถ์นุ่งห่มผ้าขาว กระทำให้
บริบูรณ์ในศีล มีประมาณเท่าใด นกุลมารดาคฤหปตานีก็เป็นคนหนึ่งในจำนวน
สาวิกาเหล่านั้น พวกสาวิกาของเราที่ยังเป็นคฤหัสถ์นุ่งห่มผ้าขาว ได้ความสงบใจ
ณ ภายใน มีประมาณเท่าใด นกุลมารดาคฤหปตานีก็เป็นคนหนึ่งในจำนวน
สาวิกาเหล่านั้น พวกสาวิกาของเราที่ยังเป็นคฤหัสถ์นุ่งห่มผ้าขาว ได้ถึงการหยั่งลง
ถึงที่พึ่ง ถึงความเบาใจ ข้ามพ้นความสงสัย ปราศจากความเคลือบแคลง ถึงความ
แกล้วกล้าในธรรมวินัยนี้ ไม่มีความเชื่อถือต่อผู้อื่นในศาสนาของพระศาสดา มี
ประมาณเท่าใด นกุลมารดาคฤหปตานีก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนสาวิกาเหล่านั้น ดูกร
คฤหบดี เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว ที่นกุลมารดาคฤหปตานีเป็นผู้อนุเคราะห์
หวังประโยชน์ กล่าวเตือนสั่งสอนท่าน ฯ
จบสูตรที่ ๖
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๗๐๐๙-๗๐๘๐ หน้าที่ ๓๐๘-๓๑๑.
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=22&A=7009&Z=7080&pagebreak=0
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=22&A=7009&pagebreak=0
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=22&siri=267
ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :-
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=287
พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=22&A=6930
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :-
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=16&A=2367
The Pali Tipitaka in Roman :-
https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=22&A=6930
The Pali Atthakatha in Roman :-
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=16&A=2367
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒
https://84000.org/tipitaka/read/?index_22
อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :-
https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/22i282-e.php#sutta6
https://accesstoinsight.org/tipitaka/an/an06/an06.016.than.html
https://suttacentral.net/an6.16/en/sujato
https://suttacentral.net/an6.16/en/thanissaro
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]
