381 พระพุทธเจ้ายังมีอายตนะ แต่ไม่ติดในอายตนะ
ปัญหา พระโกฏฐิกะ ถามพระสารีบุตรว่า ตา... หู... จมูก...
ลิ้น... กาย... ใจ... และ รูป... เสียง... กลิ่น... รส...
โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์.... ต่างเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวผูกมัดซึ่งกันและกันหรืออย่างไร
?
พระสารีบุตรตอบ ดูก่อนท่านโกฏฐิกะ ตาเป็นเครื่องผูกมัดรูป
และรูปเป็นเครื่องผูกมัดตาหามิได้... หูเป็นเครื่องผูกมัดเสียง
และเสียงเป็นเครื่องผูกมัดหูก็หามิได้ ... จมูกเป็นเครื่องผูกมัดกลิ่น
และกลิ่นเป็นเครื่องผูกมัดจมูกหามิได้... ลิ้นเป็นเครื่องผูกมัดรส
และรสเป็นเครื่องผูกมัดกายก็หามิได้... ใจเป็นเครื่องผูกมัดธรรมารมณ์
และธรรมารมณ์เป็นเครื่องผูกมัดใจก็หามิได้...
ความพอใจรักใคร่ที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุและรูป.... อาศัยหูและเสียง....อาศัยจมูกและกลิ่น...อาศัยลิ้นและรส....อาศัยกายและโผฏฐัพพะ...
อาศัยใจและธรรมารมณ์นั้นต่างหาก เป็นเครื่องผูกมัดในจักษุและรูปเป็นต้นนั้น...
ท่านผู้มีอายุ เปรียบเหมือนโคดำและโคขาวที่เขาผูกโยงไว้ด้วยเชือกหรือด้วยสายแอกเส้นเดียว
ใครเล่าจะพึงพูดได้ว่า โคดำเป็นเครื่องผูกมัดโคขาว หรือโคขาวเป็นเครื่องผูกมัดโคดำ
ที่แท้เชือกและสายแอกเส้นเดียวที่ใช้ผูกโยงโคทั้งสองนั้น
และเชื่อว่าเป็นเครื่องผูกมัดในโคทั้งสองนั้น....
ท่านผู้สูงอายุ ถ้าจักษุเป็นเครื่องผูกมัดรูป หรือรูปจักเป็นเครื่องผูกมัดจักษุ
ฯลฯ การอยู่ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบไม่พึงมีปรากฏได้
ดูก่อนท่านโกฏฐิกะ พระเนตรของพระผู้มีพระภาคมีอยู่แท้ พระองค์ก็ทรงเห็นรูปด้วยพระเนตร....
ยังทรงฟังเสียงด้วยพระโสต... ยังทรงสูดกลิ่นด้วยพระนาสิก...
ยังทรงลิ้มรสด้วยพระชิวหา... ยังทรงถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย....
ยังทรงรู้ธรรมารมณ์ด้วยพระมนัส แต่พระองค์ก็ไม่มีความพอใจรักใคร่
พระองค์ทรงมีจิตหลุดพ้นแล้ว...
โกฏฐิกสูตร สฬา. สํ. (๒๙๕-๒๙๘)
ตบ. ๑๘ : ๒๐๓-๒๐๖ ตท. ๑๘ : ๑๙๗-๑๙๙
ตอ. K.S. ๔ : ๑๐๑-๑๐๒
<หน้าก่อน<<<
สารบัญ >>>หน้าถัดไป>
::
อธิบายอักษรย่อแหล่งอ้างอิง ::
:: ค้นหาความหมายของศัพท์ จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ::