ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
            การค้นหาคำว่า “ ัก ”             ผลการค้นหาพบมากกว่า  80  ตำแหน่ง ดังนี้ :-

แสดงผลการค้น ลำดับที่  1 / 80
กรรมลักษณะ ดู กัมมลักขณะ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  2 / 80
กัณหปักข์, กัณหปักษ์ ฝ่ายดำ หมายถึง ข้างแรม;
       กาฬปักษ์ ก็เรียก;
       ตรงข้ามกับ ชุณหปักษ์ หรือ ศุกลปักษ์

แสดงผลการค้น ลำดับที่  3 / 80
กัมมลักขณะ การอันมีลักษณะเป็น (สังฆ) กรรมนั้นได้,
       กิจการที่มีลักษณะอันจัดเข้าเป็นสังฆกรรมอย่างหนึ่ง ในสังฆกรรมประเภทนั้นได้ แต่ท่านไม่ได้ออกชื่อไว้ และไม่อาจจัดเข้าในชื่ออื่นๆ แห่งสังฆกรรมประเภทเดียวกัน เช่น
       การอปโลกน์แจกอาหารในโรงฉัน เป็นกัมมลักขณะ ในอปโลกนกรรม
       การประกาศเริ่มต้นระงับอธิกรณ์ด้วยติณวัตถารกวินัย เป็นกัมมลักขณะ ในญัตติกรรม
       ญัตติทุติยกรรมที่สวดในลำดับไปในการระงับอธิกรณ์ด้วยติณวัตถารกวินัย เป็นกัมมลักขณะ ในญัตติทุติยกรรม
       อุปสมบทและอัพภาน เป็นกัมมลักขณะในญัตติจตุตถกรรม

แสดงผลการค้น ลำดับที่  4 / 80
กายสักขี “ผู้เป็นพยานด้วยนามกาย”, “ผู้ประจักษ์กับตัว”,
       พระอริยบุคคลตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปจนถึงผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตมรรค ที่เป็นผู้มีสมาธินทรีย์แรงกล้า ได้สัมผัสวิโมกข์ ๘
       (ถ้าบรรลุอรหัตตผล กลายเป็นอุภโตภาควิมุต)
       ดู อริยบุคคล ๗

แสดงผลการค้น ลำดับที่  5 / 80
กาฬปักษ์ “ซีกมืด” คือ ข้างแรม;
       กัณหปักข์ ก็เรียก;
       ตรงข้ามกับ ศุกลปักษ์ หรือ ชุณหปักษ์

แสดงผลการค้น ลำดับที่  6 / 80
กิงกรณีเยสุ ทักขตา ความเป็นผู้ขยันช่วยเอาใจใส่ในกิจธุระของเพื่อนภิกษุ สามเณร
       (ข้อ ๕ ในนาถกรณธรรม)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  7 / 80
คูถภักขา มีคูถเป็นอาหาร ได้แก่สัตว์จำพวก ไก่ สุกร สุนัข เป็นต้น

แสดงผลการค้น ลำดับที่  8 / 80
จักกวัตติสูตร ชื่อสูตรที่ ๓ แห่งทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระสุตตันตปิฎก
       พระพุทธเจ้าตรัสสอนภิกษุทั้งหลายให้พึ่งตน คือพึ่งธรรม ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งจะทำให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ดำเนินอยู่ในแดนของตนเองที่สืบมาแต่บิดา จะมีแต่ความดีงามเจริญขึ้นไม่เปิดช่องให้แก่มาร เช่นเดียวกับพระเจ้าจักรพรรดิที่ทรงประพฤติตามหลักจักรวรรดิวัตร อันสืบกันมาแต่บรรพชนของพระองค์ ย่อมทำให้จักรรัตนะบังเกิดขึ้นมาเอง,
       จักรวรรดิวัตร นั้นมี ๔ ข้อใหญ่ ใจความว่า
           ๑. พระเจ้าจักรพรรดิเป็นธรรมาธิปไตย และจัดการคุ้มครองป้องกันโดยชอบธรรม แก่ชนทุกหมู่เหล่าในแผ่นดิน ตลอดไปถึงสัตว์ที่ควรสงวนพันธุ์ทั้งหลาย
           ๒. มิให้มีการอันอธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน
           ๓. ปันทรัพย์เฉลี่ยให้แก่ผู้ไร้ทรัพย์
           ๔. ปรึกษาสอบถามการดีชั่ว ข้อควรและไม่ควรประพฤติ กะสมณพราหมณ์ ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ อยู่เสมอ;
       จักรวรรดิวัตร ๔ ข้อนี้ บางทีจัดเป็น ๕ โดยแยกข้อ ๑. เป็น ๒ ข้อ คือ เป็นธรรมาธิปไตย ถือธรรมเป็นใหญ่อย่างหนึ่ง กับจัดการคุ้มครองป้องกันอันชอบธรรม อย่างหนึ่ง, นอกจากนั้น สมัยต่อมา อรรถกถาจัดแบ่งซอยออกไป และเพิ่มเข้ามาอีก รวมเป็น ๑๒ ข้อ เรียกว่า จักรวรรดิวัตร ๑๒ ;
       พระสูตรนี้ถือว่าเป็นคำสอนแสดงหลักวิวัฒนาการของสังคมตามแนวจริยธรรม กล่าวถึงหลักการปกครอง และหลักความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจกับจริยธรรม;
       เรื่อง พระศรีอารยเมตไตรย ก็มีต้นเค้ามาจากพระสูตรนี้;
       ดู จักรวรรดิวัตร ๑๒

แสดงผลการค้น ลำดับที่  9 / 80
จักขุ ตา ของพระพุทธเจ้า มี ๕ คือ มังสจักขุ ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ พุทธจักขุ สมันตจักขุ (ดูที่คำนั้นๆ)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  10 / 80
จักขุวิญญาณ ความรู้ที่เกิดขึ้นเพราะรูปกระทบตา, รูปกระทบตา เกิดความรู้ขึ้น, การเห็น
       (ข้อ ๑ ในวิญญาณ ๖)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  11 / 80
จักขุสัมผัส อาการที่ตา รูป และจักขุวิญญาณประจวบกัน

แสดงผลการค้น ลำดับที่  12 / 80
จักขุสัมผัสสชาเวทนา เวทนาที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัส, ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพราะการที่ ตา รูป และจักขุวิญญาณประจวบกัน

แสดงผลการค้น ลำดับที่  13 / 80
จักร ล้อ, ล้อรถ, ธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุจล้อนำรถไปสู่ที่หมายมี ๔ อย่างคือ
       ๑. ปฏิรูปเทสวาสะ อยู่ในถิ่นที่เหมาะ
       ๒. สัปปุริสูปัสสยะ สมาคมกับคนดี
       ๓. อัตตสัมมาปณิธิ ตั้งตนไว้ชอบ
       ๔. ปุพเพกตปุญญตา ได้ทำความดีไว้ก่อน

จักรธรรม ธรรมเปรียบด้วยล้อรถ ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญ หรือให้ถึงจุดมุ่งหมาย มี ๔ อย่าง
       ดู จักร

แสดงผลการค้น ลำดับที่  14 / 80
จักรพรรดิ พระราชาธิราช หมายถึงพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ มีราชอาณาเขตปกครองกว้างขวางมาก บ้านเมืองในปกครองมีความร่มเย็นเป็นสุข ปราบข้าศึกศัตรูด้วยธรรม ไม่ต้องใช้อาชญาและศัสตรา มีรัตนะ ๗ ประการประจำพระองค์ คือ ช้างแก้ว ม้าแก้ว นางแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว จักรแก้ว แก้วมณี

แสดงผลการค้น ลำดับที่  15 / 80
จักรพรรดิราชสมบัติ สมบัติ คือความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ, ความพรั่งพร้อมสมบูรณ์แห่งพระเจ้าจักรพรรดิ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  16 / 80
จักรรัตนะ จักรแก้ว หมายถึงตัวอำนาจแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  17 / 80
จักรวรรดิวัตร ๑๒
       ๑. อนฺโตชนสฺมึ พลกายสฺมึ คุ้มครองสงเคราะห์แก่ชนในพระราชฐานและพยุหเสนา
       ๒. ขตฺติเยสุ แก่กษัตริย์เมืองขึ้นหรือผู้ครองนครภายใต้พระบรมเดชานุภาพ
       ๓. อนุยนฺเตสุ แก่กษัตริย์ที่ตามเสด็จคือ เหล่าเชื้อพระวงศ์ผู้เป็นราชบริพาร
       ๔. พฺราหฺมณคหปติเกสุ แก่พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย
       ๕. เนคมชานปเทสุ แก่ชาวนิคมและชาวชนบทคือ ราษฎรพื้นเมืองทั้งหลาย
       ๖. สมณพฺราหฺมเณสุ แก่เหล่าสมณพราหมณ์
       ๗. มิคปกฺขีสุ แก่เหล่าเนื้อนกอันพึงบำรุงไว้ให้มีสืบพันธุ์
       ๘. อธมฺมการปฏิกฺเขโป ห้ามปรามมิให้มีความประพฤติการอันไม่เป็นธรรม
       ๙. อธนานํ ธนานุปฺปทานํ เจือจานทรัพย์ทำนุบำรุงแก่ผู้ขัดสนไร้ทรัพย์
       ๑๐. สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหาปุจฺฉนํ ไปสู่หาพราหมณ์ไต่ถามอรรถปฤษณา
       ๑๑. อธมฺมราคสฺส ปหานํ เว้นความกำหนัดในกามโดยอาการไม่เป็นธรรม
       ๑๒. วิสมโลภสฺส ปหานํ เว้นโลภกล้า ไม่เลือกควรไม่ควร
           จักรวรรดิวัตร ๑๒ นี้ มาในอรรถกถา โดยแบ่งซอยและเพิ่มเติมจากของเดิมใน จักกวัตติสูตร

แสดงผลการค้น ลำดับที่  18 / 80
จักษุ ตา, นัยน์ตา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  19 / 80
จักษุทิพย์ ตาทิพย์ คือดูอะไรเห็นได้หมด ดู ทิพพจักขุ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  20 / 80
จำหลัก แกะให้เป็นลวดลาย, สลัก

แสดงผลการค้น ลำดับที่  21 / 80
จุลศักราช ศักราชน้อย ตั้งขึ้นโดยกษัตริย์พม่าองค์หนึ่งใน พ.ศ. ๑๑๘๒ ภายหลังมหาศักราช,
       เป็นศักราชที่เราใช้กันมาก่อนใช้รัตนโกสินทรศก,
       นับรอบปีตั้งแต่ ๑๖ เมษายน ถึง ๑๕ เมษายน เขียนย่อว่า จ.ศ.
       (พ.ศ. ๒๕๒๒ ตรงกับ จ.ศ.๑๓๔๐-๑๓๔๑)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  22 / 80
ฉักกะ หมวด ๖

แสดงผลการค้น ลำดับที่  23 / 80
ชักสื่อ นำถ้อยคำหรือข่าวสาสน์ของชายและหญิง จากฝ่ายหนึ่งไปบอกอีกฝ่ายหนึ่ง หรือจากทั้งสองฝ่ายให้รู้ถึงกัน เพื่อให้เขาสำเร็จความประสงค์ในทางเมถุน
       (สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๕)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  24 / 80
ชีวิตักษัย การสิ้นชีวิต, ตาย

แสดงผลการค้น ลำดับที่  25 / 80
ชุณหปักษ์ “ฝ่ายขาว, ฝ่ายสว่าง” หมายถึง ข้างขึ้น;
       ศุกลปักษ์ ก็เรียก;
       ตรงข้ามกับ กัณหปักษ์ หรือ กาฬปักษ์

แสดงผลการค้น ลำดับที่  26 / 80
ดาวนักษัตร ดาว, ดาวฤกษ์, มี ๒๗ หมู่ คือ
       ๑. อัศวินี (ดาวม้า) มี ๗ ดวง
       ๒. ภรณี (ดาวก้อนเส้า) มี ๓ ดวง
       ๓. กฤติกา (ดาวลูกไก่) มี ๘ ดวง
       ๔. โรหิณี (ดาวคางหมู) มี ๗ ดวง
       ๕. มฤคศิร (ดาวหัวเนื้อ) มี ๓ ดวง
       ๖. อารทรา (ดาวตาสำเภา) มี ๑ ดวง
       ๗. ปุนัพสุ (ดาวสำเภาทอง) มี ๓ ดวง
       ๘. บุษย (ดาวสมอสำเภา) มี ๕ ดวง
       ๙. อาศเลษา (ดาวเรือน) มี ๕ ดวง
       ๑๐. มฆา (ดาวงูผ้า) มี ๕ ดวง
       ๑๑. บุรพผลคุณี (ดาวงูเมีย) มี ๒ ดวง
       ๑๒. อุตรผลคุณี (ดาวเพดาน) มี ๒ ดวง
       ๑๓. หัสต (ดาวศอกคู้) มี ๕ ดวง
       ๑๔. จิตรา (ดาวตาจระเข้) มี ๑ ดวง
       ๑๕. สวาติ (ดาวช้างพัง) มี ๕ ดวง
       ๑๖. วิศาขา (ดาวคันฉัตร) มี ๕ ดวง
       ๑๗. อนุราธา (ดาวประจำฉัตร) มี ๔ ดวง
       ๑๘. เชษฐา (ดาวช้างใหญ่) มี ๑๔ ดวง
       ๑๙. มูลา (ดาวช้างน้อย) มี ๙ ดวง
       ๒๐. บุรพาษาฒ (ดาวสัปคับช้าง) มี ๓ ดวง
       ๒๑. อุตราษาฒ (ดาวแตรงอน) มี ๕ ดวง
       ๒๒. ศรวณะ (ดาวหลักชัย) มี ๓ ดวง
       ๒๓. ธนิษฐา (ดาวไซ) มี ๔ ดวง
       ๒๔. ศตภิษัช (ดาวพิมพ์ทอง) มี ๔ ดวง
       ๒๕. บุรพภัทรบท(ดาวหัวเนื้อทราย) มี ๒ ดวง
       ๒๖. อุตรภัทรบท (ดาวไม้เท้า) มี ๒ ดวง
       ๒๗. เรวดี (ดาวปลาตะเพียน) มี ๑๖ ดวง

แสดงผลการค้น ลำดับที่  27 / 80
ตักกะ เปรียง; ดู เบญจโครส

แสดงผลการค้น ลำดับที่  28 / 80
ตักบาตรเทโว ดู เทโวโรหณะ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  29 / 80
ตักสิลา ชื่อนครหลวงแห่งแคว้นคันธาระ ซึ่งเป็นแคว้นหนึ่งในบรรดา ๑๖ แคว้นแห่งชมพูทวีป
       ตักสิลามีมาแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนพุทธกาล เคยรุ่งเรืองด้วยศิลปวิทยาต่างๆ เป็นสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดในการศึกษายุคโบราณ เรียกกันว่า เป็นเมืองมหาวิทยาลัย สันนิษฐานว่า บัดนี้ อยู่ในเขตราวัลปินดิ ในแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน
       ตักสิลาเป็นราชธานีที่มั่นคั่งรุ่งเรืองสืบต่อกันมาหลายศตวรรษ ตั้งแต่ก่อนพุทธกาล จนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๑ มีเรื่องราวเล่าไว้ในชาดกเป็นอันมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
       ตักสิลาเป็นศูนย์กลางการศึกษา มีสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ สั่งสอนศิลปวิทยาต่างๆ แก่ศิษย์ซึ่งเดินทางมาเล่าเรียนจากทุกถิ่นในชมพูทวีป
       แต่ในยุคก่อนพุทธกาล ชนวรรณะสูงเท่านั้นจึงมีสิทธิเข้าเรียนได้ บุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงหลายท่านในสมัยพุทธกาลสำเร็จการศึกษาจากนครตักสิลา เช่น
       พระเจ้าปเสนทิโกศล เจ้ามหาลิลิจฉวี พันธุลเสนาบดี หมอชีวกโกมารภัจ และองคุลิมาล เป็นต้น
       ต่อมาภายหลังพุทธกาล ตักสิลาได้ถูกพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชกษัตริย์กรีกยึดครอง มีหนังสือที่คนชาติกรีกกล่าวถึง ขนบธรรมเนียมประเพณีของเมืองตักสิลา เช่นว่า
       ประชาชนชาวตักสิลา ถ้าเป็นคนยากจนไม่สามารถจะปลูกฝังธิดาให้มีเหย้าเรือนตามประเพณีได้ ก็นำธิดาไปขายที่ตลาด โดยเป่าสังข์ตีกลองเป็นอาณัติสัญญาณ ประชาชนก็พากันมาล้อมดู ถ้าผู้ใดชอบใจก็ตกลงราคากันนำไปเป็นภรรยา หญิงที่สามีตายจะต้องเผาตัวตายไปกับสามี
       นับแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นต้นมา ตักสิลาได้เป็นนครที่รุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนา ซึ่งเจริญขึ้นมาเคียงข้างศาสนาฮินดู เป็นแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของการศึกษาพระพุทธศาสนา ดังมีซากสถูปเจดีย์ วัดวาอาราม และประติมากรรมแบบศิลปะคันธาระจำนวนมากปรากฏเป็นหลักฐาน
       ต่อมาราว พ.ศ. ๙๔๓ หลวงจีนฟาเหียนได้มาสืบพระพุทธศาสนาในอินเดีย ยังได้มานมัสการพระสถูปเจดีย์ที่เมืองตักสิลา แสดงว่าเมืองตักสิลายังคงบริบูรณ์ดีอยู่ แต่ต่อมาราว พ.ศ. ๑๐๕๐ ชนชาติฮั่นยกมาตีอินเดีย และได้ทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้เมืองตักสิลาพินาศสาบสูญไป
       ครั้นถึง พ.ศ. ๑๑๘๖ หลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซัมจั๋ง) มาสืบพระพุทธศาสนาในอินเดีย กล่าวว่า เมืองตักสิลาตกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม เป็นเพียงเมืองหนึ่งที่ขึ้นอยู่ในแคว้นกัษมีระ โบสถ์วิหารสถานศึกษา และปูชนียสถานถูกทำลายหมด จากนั้นมา ก็ไม่ปรากฏเรื่องเมืองตักสิลาอีก;
       เขียนเต็มตามบาลีเป็น ตักกสิลา เขียนอย่างสันสกฤตเป็น ตักษศิลา อังกฤษเขียน Taxila

แสดงผลการค้น ลำดับที่  30 / 80
ติตถิยปักกันตะ ผู้ไปเข้ารีตเดียรถีย์ทั้งเป็นภิกษุ อุปสมบทอีกไม่ได้ (เป็นวัตถุวิบัติ)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  31 / 80
ไตรลักษณ์ ลักษณะสาม อาการที่เป็นเครื่องกำหนดหมายให้รู้ถึงความจริงของสภาวธรรมทั้งหลาย ที่เป็นอย่างนั้นๆ
       ๓ ประการ ได้แก่
           ๑. อนิจจตา ความเป็นของไม่เที่ยง
           ๒. ทุกขตา ความเป็นทุกข์หรือความเป็นของคงทนอยู่มิได้
           ๓. อนัตตตา ความเป็นของมิใช่ตัวตน
       (คนไทยนิยมพูดสั้นๆ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และแปลง่ายๆ ว่า “ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา”)
       ลักษณะเหล่านี้มี ๓ อย่าง จึงเรียกว่า ไตรลักษณ์,
       ลักษณะทั้ง ๓ เหล่านี้มีแก่ธรรมที่เป็นสังขตะ คือสังขารทั้งปวง เป็นสามัญเสมอเหมือนกัน จึงเรียกว่า สามัญญลักษณะ
       (ไม่สามัญแก่ธรรมที่เป็นอสังขตะ คือวิสังขาร ซึ่งมีเฉพาะลักษณะที่สาม คืออนัตตาอย่างเดียว ไม่มีลักษณะสองอย่างต้น);
       ลักษณะเหล่านี้เป็นของแน่นอน เป็นกฏธรรมชาติ มีอยู่ตลอดเวลา จึงเรียกว่า ธรรมนิยาม
       พึงทราบว่า พระบาลีในพระไตรปิฎก เรียกว่า ธรรมนิยาม (ธมฺมนิยามตา) ส่วน ไตรลักษณ์ และสามัญลักษณะ เป็นคำที่เกิดขึ้นในยุคอรรถกถา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  32 / 80
ทวารหนัก ช่องอุจจาระ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  33 / 80
ทักขิณ, ทักษิณ ขวา, ทิศใต้

แสดงผลการค้น ลำดับที่  34 / 80
ทักขิณทิส “ทิศเบื้องขวา” หมายถึง อาจารย์ (ตามความหมายในทิศ ๖)
       ดู ทิศ ๖

แสดงผลการค้น ลำดับที่  35 / 80
ทักขิณา, ทักษิณา ทานที่ถวายเพื่อผลอันเจริญ, ของทำบุญ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  36 / 80
ทักขิณานุปทาน ทำบุญอุทิศผลให้แก่ผู้ตาย

แสดงผลการค้น ลำดับที่  37 / 80
ทักขิณาบถ เมืองแถบใต้, ประเทศฝ่ายทิศใต้

แสดงผลการค้น ลำดับที่  38 / 80
ทักขิณาวัฏฏ์ เวียนขวา, วนไปทางขวา คือ วนเลี้ยวทางขวาอย่างเข็มนาฬิกา
       เขียน ทักขิณาวัฏ หรือ ทักษิณาวรรต ก็มี;
       ตรงข้ามกับ อุตตราวัฏ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  39 / 80
ทักขิเณยยบุคคล บุคคลผู้ควรรับทักษิณา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  40 / 80
ทักขิโณทก น้ำที่หลั่งในเวลาทำทาน

แสดงผลการค้น ลำดับที่  41 / 80
ทักขิไณย ผู้ควรแก่ทักขิณา, ผู้ควรรับของทำบุญที่ทายกถวาย

ทักขิไณยบุคคล บุคคลผู้ควรรับทักษิณา
       ดู ทักขิไณย

แสดงผลการค้น ลำดับที่  42 / 80
ทักษิณนิกาย นิกายพุทธศาสนาฝ่ายใต้ที่พวกอุตรนิกายตั้งชื่อให้ว่า หีนยาน ใช้บาลีมคธ
       บัดนี้ นิยมเรียกว่า เถรวาท

แสดงผลการค้น ลำดับที่  43 / 80
ทักษิณา ทานเพื่อผลอันเจริญ, ของทำบุญ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  44 / 80
ทักษิณานุประทาน ทำบุญอุทิศผลให้แก่ผู้ตาย

แสดงผลการค้น ลำดับที่  45 / 80
ทักษิโณทก น้ำที่หลั่งในเวลาทำทาน, น้ำกรวด,
       คือ เอาน้ำหลั่งเป็นเครื่องหมายของการให้แทนสิ่งของที่ให้
       เช่น ที่ดิน ศาลา กุฎี บุญกุศล เป็นต้น ซึ่งใหญ่โตเกินกว่าที่จะยกไหว หรือไม่มีรูปที่จะยกขึ้นได้

แสดงผลการค้น ลำดับที่  46 / 80
ทิพพจักขุ จักษุทิพย์, ตาทิพย์, ญาณพิเศษของพระพุทธเจ้า และท่านผู้ได้อภิญญาทั้งหลาย ทำให้สามารถเล็งเห็นหมู่สัตว์ที่เป็นไปต่างๆ กันเพราะอำนาจกรรม
       เรียกอีกอย่างว่า จุตูปปาตญาณ
       (ข้อ ๗ ในวิชชา ๘, ข้อ ๕ ในอภิญญา ๖)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  47 / 80
ทิพพจักขุญาณ ญาณ คือทิพพจักขุ, ความรู้ดุจดวงอาทิตย์

แสดงผลการค้น ลำดับที่  48 / 80
ทิพยจักษุ ตาทิพย์, ญาณพิเศษที่ทำให้ดูอะไรเห็นได้หมดตามปรารถนา;
       ดู ทิพพจักขุ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  49 / 80
ทิศทักษิณ ทิศใต้, ทิศเบื้องขวา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  50 / 80
ทุกขลักษณะ เครื่องกำหนดว่าเป็นทุกข์, ลักษณะที่จัดว่าเป็นทุกข์,
       ลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าเป็นทุกข์คือ
           ๑. ถูกการเกิดขึ้นและการดับสลายบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา
           ๒. ทนได้ยากหรือคงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้
           ๓. เป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์
           ๔. แย้งต่อสุขหรือเป็นสภาวะที่ปฏิเสธความสุข;
       ดู อนิจจลักษณะ, อนัตตลักษณะ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  51 / 80
ธรรมจักร จักรคือธรรม, วงล้อธรรม หรืออาณาจักรธรรม
       หมายถึงเทศนากัณฑ์แรก ที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์
       (ชื่อของปฐมเทศนา เรียกเต็มว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  52 / 80
ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรม คือ ปัญญา รู้เห็นความจริงว่า สิ่งใดก็ตามมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวง ล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา;
       ธรรมจักษุโดยทั่วไป เช่น ที่เกิดแก่ท่านโกณฑัญญะเมื่อสดับธรรมจักร ได้แก่ โสดาปัตติมรรคหรือโสดาปัตติมรรคญาณ คือญาณที่ทำให้เป็นโสดาบัน

แสดงผลการค้น ลำดับที่  53 / 80
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร “พระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไป”,
       พระสูตรว่าด้วยการหมุนวงล้อธรรม เป็นชื่อของ ปฐมเทศนา คือพระธรรมเทศนาครั้งแรก ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หลังจากตรัสรู้ ๒ เดือน ว่าด้วยมัชฌิมาปฏิปทา คือทางสายกลาง ซึ่งเว้นที่สุด ๒ อย่าง และว่าด้วยอริยสัจ ๔ ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ อันทำให้พระองค์สามารถปฏิญาณว่าได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (ญาณคือความตรัสรู้เองโดยชอบอันยอดเยี่ยม)
       ท่านโกณฑัญญะหัวหน้าคณะปัญจวัคคีย์ ฟังพระธรรมเทศนานี้แล้ว ได้ดวงตาเห็นธรรม (ธรรมจักษุ) และขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรก เรียกว่า เป็นปฐมสาวก

แสดงผลการค้น ลำดับที่  54 / 80
นักบุญ ผู้ใฝ่บุญ, ผู้ถือศาสนาอย่างเคร่งครัด, ผู้ทำประโยชน์แก่พระศาสนา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  55 / 80
นักปราชญ์ ผู้รู้, ผู้มีปัญญา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  56 / 80
นักพรต คนถือบวช, ผู้ประพฤติพรต

แสดงผลการค้น ลำดับที่  57 / 80
นักษัตรฤกษ์ ดาวฤกษ์ซึ่งอยู่บนท้องฟ้า มีชื่อต่างๆ กัน
       เช่น ดาวม้า ดาวลูกไก่ ดาวคางหมู ดาวจระเข้ ดาวคันฉัตร เป็นต้น;
       ดู ดาวนักษัตร

แสดงผลการค้น ลำดับที่  58 / 80
บอกศักราช เป็นธรรมเนียมของพระสงฆ์ไทยแต่โบราณ มีการบอกกาลเวลา เรียกว่าบอกศักราช ตอนท้ายสวดมนต์ และก่อนจะแสดงพระธรรมเทศนา (หลังจากให้ศีลจบแล้ว) ว่าทั้งภาษาบาลีและคำแปลภาษาไทย
       การบอกอย่างเก่า บอกปี ฤดู เดือน วัน ทั้งที่เป็นปัจจุบัน อดีต และอนาคต
       คือ บอกว่าล่วงไปแล้วเท่าใด และยังจะมีมาอีกเท่าใด จึงจะครบจำนวนอายุพระพุทธศาสนา ๕ พันปี
       แต่ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๔ ที่รัฐบาลประกาศใช้วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เป็นต้นมา ได้มีวิธีบอกศักราชอย่างใหม่ขึ้นใช้แทน บอกเฉพาะปี พ.ศ. เดือน วันที่ และวันในปัจจุบัน ทั้งบาลีและคำแปล
       บัดนี้ไม่นิยมกันแล้ว คงเป็นเพราะมีปฏิทินและเครื่องบอกเวลาอย่างอื่น ใช้กันดื่นทั่วไป

แสดงผลการค้น ลำดับที่  59 / 80
ปฏิปักข์, ปฏิปักษ์ ฝ่ายตรงกันข้าม, คู่ปรับ, ข้าศึก, ศัตรู

แสดงผลการค้น ลำดับที่  60 / 80
ปฏิปักขนัย นัยตรงกันข้าม

แสดงผลการค้น ลำดับที่  61 / 80
ประจักษ์ ชัดเจน, แจ่มแจ้ง, ต่อหน้าต่อตา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  62 / 80
ประทักษิณ เบื้องขวา,
       การเวียนขวา คือ เวียนเลี้ยวไปทางขวาอย่างเข็มนาฬิกา เป็นอาการแสดงความเคารพ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  63 / 80
ปักขคณนา, ปักษคณนา “การนับปักษ์”,
       วิธีคำนวณดิถีตามปักษ์ คือ คำนวณหาวันขึ้นแรมกี่ค่ำๆ ให้แม่นยำ ตรงตามการโคจรของดวงจันทร์อย่างแท้จริง เฉพาะอย่างยิ่งมุ่งให้ได้
           วันพระจันทร์เต็มดวง หรือวันเพ็ญ (ขึ้น ๑๔-๑๕ ค่ำ)
           วันพระจันทร์ดับ หรือวันดับ (แรม ๑๔-๑๕ ค่ำ) และ
           วันพระจันทร์กึ่งดวง (ขึ้น ๘ ค่ำ และ แรม ๘ ค่ำ)
       ตรงกับวันที่ดวงจันทร์เป็นอย่างนั้นจริงๆ
       ซึ่งบางเดือนข้างขึ้นอาจมีเพียง ๑๔ วัน (วันเพ็ญ เมื่อขึ้น ๑๔ ค่ำ) ก็มีข้างแรมอาจมีเต็ม ๑๕ วันติดต่อกัน หลายเดือนก็มี ต้องตรวจดูเป็นปักษ์ๆ ไป จึงใช้คำว่า ปักษ์ถ้วน ปักษ์ขาด ไม่ใช่เพียงเดือนเต็ม เดือนขาด
           เป็นวิธีคำนวณที่สลับซับซ้อน ต่างจากปฏิทินหลวง หรือปฏิทินของราชการ ที่ใช้วิธีคำนวณเฉลี่ยให้ข้างขึ้นเต็ม ๑๕ วันเสมอไป ส่วนข้างแรม เดือนคู่มี ๑๕ วัน เดือนคี่เรียกว่าเดือนขาดมี ๑๔ วัน สลับกันไป (แม้จะคำนวณด้วยวิธีที่พิเศษออกไป แต่วันเดือนเพ็ญเดือนดับที่ตรงกันก็มาก ที่คลาดกันก็เพียงวันเดียว);
       ปักขคณนา นี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงค้นคิดวิธีคำนวณขึ้นใช้ในพระสงฆ์คณะธรรมยุต เพื่อเป็นเครื่องกำหนดวันสำหรับพระสงฆ์ทำอุโบสถ และสำหรับอุบาสกอุบาสิการักษาอุโบสถศีลฟังธรรมเป็นข้อปฏิบัติของคณะธรรมยุตสืบมา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  64 / 80
ปักขันทิกาพาธ โรคท้องร่วง พระสารีบุตรนิพพานด้วยโรคนี้

แสดงผลการค้น ลำดับที่  65 / 80
ปักขิกะ อาหารที่เขาถวายปักษ์ละครั้ง คือ สิบห้าวันครั้งหนึ่ง

ปักขิกภัต ดู ปักขิกะ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  66 / 80
ปักษ์ ปีก, ฝ่าย, ข้าง, กึ่งของเดือนทางจันทรคติ คือ เดือนหนึ่งมี ๒ ปักษ์
       ข้างขึ้นเรียก ศุกลปักษ์ (“ฝ่ายขาว” หมายเอาแสงเดือนสว่าง)
       ข้างแรมเรียก กาฬปักษ์ (“ฝ่ายดำ” หมายเอาเดือนมืด);
       ชุณหปักษ์ และกัณหปักษ์ ก็เรียก

แสดงผลการค้น ลำดับที่  67 / 80
ปัจจัตตลักษณะ ลักษณะเฉพาะตน, ลักษณะเฉพาะของสิ่งต่างๆ
       เช่น เวทนามีลักษณะเสวยอารมณ์ สัญญามีลักษณะจำได้ เป็นต้น,
       คู่กับ สามัญลักษณะ 1.

แสดงผลการค้น ลำดับที่  68 / 80
ปัจฉิมสักขิสาวก สาวกผู้เป็นพยานการตรัสรู้องค์สุดท้าย,
       สาวกที่ทันเห็นองค์สุดท้าย ได้แก่ พระสุภัททะ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  69 / 80
ปัญญาจักขุ, ปัญญาจักขุ จักษุคือปัญญา, ตาปัญญา;
       เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยปัญญาจักขุ
       (ข้อ ๓ ในจักขุ ๕)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  70 / 80
ผ้าทรงสะพัก ผ้าห่มเฉียงบ่า

แสดงผลการค้น ลำดับที่  71 / 80
พักมานัต ดู เก็บวัตร

แสดงผลการค้น ลำดับที่  72 / 80
พากุละ พระมหาสาวกองค์หนึ่ง เป็นบุตรเศรษฐีเมืองโกสัมพี
       มีเรื่องเล่าว่า เมื่อยังเป็นทารก ขณะที่พี่เลี้ยงนำไปอาบน้ำเล่นที่แม่น้ำ ท่านถูกปลาใหญ่กลืนลงไปอยู่ในท้อง ต่อมาปลานั้นถูกจับได้ที่เมืองพาราณสี และถูกขายให้แก่ภรรยาเศรษฐีเมืองพาราณสี ภรรยาเศรษฐีผ่าท้องปลาพบเด็กแล้วเลี้ยงไว้เป็นบุตร
       ฝ่ายมารดาเดิมทราบข่าว จึงขอบุตรคืน ตกลงกันไม่ได้ จนพระราชาทรงตัดสินให้เด็กเป็นทายาทของทั้ง ๒ ตระกูล ท่านจึงได้ชื่อว่า “พากุละ” แปลว่า “คนสองตระกูล” หรือ “ผู้ที่สองตระกูลเลี้ยง”
       ท่านอยู่ครองเรือนมาจนอายุ ๘๐ ปี จึงได้ฟังพระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนา มีความเลื่อมใสขอบวชแล้วบำเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน ได้บรรลุพระอรหัต
       ได้รับยกย่องว่า เป็นเอตทัคคะในทางเป็นผู้มีอาพาธน้อย คือสุขภาพดี;
       พักกุละ ก็เรียก

แสดงผลการค้น ลำดับที่  73 / 80
พิทักษ์ ดูแลรักษา, คุ้มครอง, ป้องกัน

แสดงผลการค้น ลำดับที่  74 / 80
พุทธจักขุ จักษุของพระพุทธเจ้า
       ได้แก่ ญาณที่หยั่งรู้อัธยาศัย อุปนิสัยและอินทรีย์ที่ยิ่งหย่อนต่างๆ กันของเวไนยสัตว์
       (ข้อ ๔ ในจักขุ ๕)

แสดงผลการค้น ลำดับที่  75 / 80
พุทธจักร วงการพระพุทธศาสนา

แสดงผลการค้น ลำดับที่  76 / 80
พุทธศักราช ปีนับแต่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน

แสดงผลการค้น ลำดับที่  77 / 80
โพธิปักขิยธรรม ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้,
       ธรรมที่เกื้อหนุนแก่อริยมรรค มี ๓๗ ประการ
       คือ สติปัฏฐาน ๔, สัมมัปปธาน ๔, อิทธิบาท ๔, อินทรีย์ ๕, พละ ๕, โพชฌงค์ ๗, มรรคมีองค์ ๘

แสดงผลการค้น ลำดับที่  78 / 80
ภักษา, ภักษาหาร เหยื่อ, อาหาร

แสดงผลการค้น ลำดับที่  79 / 80
ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ดู มูลายปฏิกัสสนารหภิกษุ

แสดงผลการค้น ลำดับที่  80 / 80
มหาบุรุษลักษณะ ลักษณะของมหาบุรุษมี ๓๒ ประการ มาในมหาปทานสูตร แห่งทีฆนิกาย มหาวรรค และลักขณสูตร แห่งทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระสุตตันตปิฎก โดยย่อ คือ
       ๑. สุปติฏฺฐิตปาโท มีฝ่าพระบาทราบเสมอกัน
       ๒. เหฏฺฐาปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ ลายพื้นพระบาทเป็นจักร
       ๓. อายตปณฺหิ มีส้นพระบาทยาว (ถ้าแบ่ง ๔, พระชงฆ์ตั้งอยู่ในส่วนที่ ๓)
       ๔. ทีฆงฺคุลิ มีนิ้วยาวเรียว (หมายถึงนิ้วพระหัตถ์และพระบาทด้วย)
       ๕. มุทุตลนหตฺถปาโท ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
       ๖. ชาลหตฺถปาโท ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย
       ๗. อุสฺสงฺขปาโท มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ อัฐิข้อพระบาทตั้งลอยอยู่หลังพระบาท กลับกลอกได้คล่อง เมื่อทรงดำเนินผิดกว่าสามัญชน
       ๘. เอณิชงฺโฆ พระชงฆ์เรียวดุจแข้งเนื้อทราย
       ๙. ฐิตโก ว อโนนมนฺโต อุโภหิ ปาณิตเลหิ ชณฺณุกานิ ปรามสติ เมื่อยืนตรง พระหัตถ์ทั้ง ๒ ลูบจับถึงพระชานุ
       ๑๐. โกโสหิตวตฺถคุยฺโห มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก
       ๑๑. สุวณฺณวณฺโณ มีฉวีวรรณดุจสีทอง
       ๑๒. สุขุมจฺฉวิ พระฉวีละเอียด ธุลีละอองไม่ติดพระกาย
       ๑๓. เอเกกโลโม มีเส้นพระโลมาเฉพาะขุมละเส้นๆ
       ๑๔. อุทฺธคฺคโลโม เส้นพระโลมาดำสนิท เวียนเป็นทักษิณาวัฏ มีปลายงอนขึ้นข้างบน
       ๑๕. พฺรหฺมุชุคตฺโต พระกายตั้งตรงดุจท้าวมหาพรหม
       ๑๖. สตฺตุสฺสโท มีพระมังสะอูมเต็มในที่ ๗ แห่ง (คือ หลังพระหัตถ์ทั้ง ๒, และหลังพระบาททั้ง ๒, พระอังสาทั้ง ๒, กับลำพระศอ)
       ๑๗. สีหปุพฺพฑฺฒกาโย มีส่วนพระสรีรกายบริบูรณ์ (ล่ำพี) ดุจกึ่งท่อนหน้าแห่งพญาราชสีห์
       ๑๘. ปีตนฺตรํโส พระปฤษฎางค์ราบเต็มเสมอกัน
       ๑๙. นิโคฺรธปริมณฺฑโล ส่วนพระกายเป็นปริมณฑล ดุจปริมณฑลแห่งต้นไทร (พระกายสูงเท่ากับวาของพระองค์)
       ๒๐. สมวฏฺฏกฺขนฺโธ มีลำพระศอกลมงามเสมอตลอด
       ๒๑. รสคฺคสคฺคี มีเส้นประสาทสำหรับรับรสพระกระยาหารอันดี
       ๒๒. สีหหนุ มีพระหนุดุจคางแห่งราชสีห์ (โค้งเหมือนวงพระจันทร์)
       ๒๓. จตฺตาฬีสทนฺโต มีพระทนต์ ๔๐ ซี่ (ข้างละ ๒๐ ซี่)
       ๒๔. สมทนฺโต พระทนต์เรียบเสมอกัน
       ๒๕. อวิวรทนฺโต พระทนต์เรียบสนิทมิได้ห่าง
       ๒๖. สุสุกฺกทาโฐ เขี้ยวพระทนต์ทั้ง ๔ ขาวงามบริสุทธิ์
       ๒๗. ปหูตชิวฺโห พระชิวหาอ่อนและยาว (อาจแผ่ปกพระนลาฏได้)
       ๒๘. พฺรหฺมสโร กรวิกภาณี พระสุรเสียงดุจท้าวมหาพรหม ตรัสมีสำเนียงดุจนกการเวก
       ๒๙. อภินีลเนตฺโต พระเนตรดำสนิท
       ๓๐. โคปขุโม ดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคเพิ่งคลอด
       ๓๑. อุณณา ภมุกนฺตเร ชาตา มีอุณาโลมระหว่างพระโขนง เวียนขวา เป็นทักษิณาวัฏ
       ๓๒. อุณฺหิสสีโส มีพระเศียรงามบริบูรณ์ดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์
       ดู อนุพยัญชนะ


พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ัก
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%D1%A1


บันทึก  ๒, ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พิมพ์ครั้งที่ ๑๐. พ.ศ. ๒๕๔๖ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]