ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก  หนังสือธรรมะ
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
มิลินทปัญหา
นิปปปัญจปัญหา ที่ ๒
             สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามปัญหาสืบไปเล่าว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ เอตํ วจนํ อันว่าคำอันนี้ สมเด็จพระพิชิตมารโมลีเจ้า มีพระพุทธเจ้าฎีกาตรัสพระสัทธรรมเทศนาไว้ดังนี้ว่า ภิกฺขเว ดูกรภิกษุทั้งหลายผู้เห็นภัยในวัฏ- สงสาร ตุมฺเห อันว่าท่านทั้งหลายทั้งปวง นิปฺปปญฺจรติโน จงมีนิปปปัญจธรรมและกำหนัดยินดี ในนิปปปัญจธรรมนั้นอยู่ให้สำราญ นี่แหละสมเด็จพระโลกนาถศาสดาจารย์ตรัสว่า นิปปปัญจ- ธรรม โยมไม่เข้าใจว่า นิปปปัญจธรรมนั้นอย่างไร พระนาคเสนผู้เฉลิมปราชญ์จึงวิสัชนาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสม ภาร สมเด็จพระบรมโลกุตตมาจารย์ตรัสว่า นิปปปัญจธรรมนั้น คือพระโสดาปัตติผล พระสกิ- ทาคามิผล พระอนาคตมิผล พระอรหัตผล จงทรงทราบพระทัยด้วยประการดังนี้              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี จึงมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า แต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ ถ้าดังนั้น พระภิกษุทั้งหายเหล่านี้จะต้องเรียนนวังคสัตถุศาสนา คำสั่งสอนของพระศาสดามีองค์ ๙ ประการ คือ สุตตะ เคยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติ- วุตตกะ ชาฏกะ อัพภูตธัมมะ เวทัลละ และให้ทานกระทำการบูชาเพื่อประโยชน์อะไรเล่า จะมิ ชื่อว่าภิกษุเหล่านั้นกระทำกรรมที่พระบรมครูเจ้าตรัสห้ามไว้หรือ              พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรผู้ประเสริฐ ภิกษุทั้ง หลายต้องมาเล่าเรียนศึกษาและกระทำอนวัชกิจเช่นนั้น ก็กระทำเพื่อได้บรรลุนิปปปัญจธรรม ด้วยกันทุกรูป มหาราช ขอถวายพระพร สภาวปริสุทฺธา บุคคลที่บริสุทธิ์โดยสภาวพอบรม วาสนาบารมีให้แก่กล้าแล้ว จักได้นิปปปัญจธรรม เป็นผู้สิ้นความเนิ่นช้า กล่าวคือได้บรรลุ มรรคผลในชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้น ภิกษุผู้ยังเป็นปุถุชนอยู่จะได้นิปปปัญจธรรม ก็ด้วยตั้งใจ พากเพียรเล่าเรียนในนวังคสัตถุศาสนาและมากระทำอนวัชชกิจเหล่านี้ ค่อยๆ พยายามไปที ละเล็กละน้อย จนกว่าจะสำเร็จ ความข้อนี้อาตมาจะขอถวายวิสัชนาโดยอุปมา มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร เปรียบปานดุจชาวนา ๒ คน คนหนึ่งหว่านพืชลงในนา แล้ว มิพักต้องใช้กำลังและความเพียรเที่ยวตัดต้นไม้และเรียวหนามมากระทำรั้วกั้นนานั้น เขา ก็ได้ผลแห่งธัญชาติ อีกคนหนึ่งหว่านพืชลงในนาแล้ว ต้องเที่ยวตัดต้นไม้กิ่งไม้และเรียวหนาม มากระทำรั้วกั้นอันตราย จึงได้ผลแห่งธัญชาติ ยถา มีครุวนาฉันใด บุคคลที่มีวาสนาหนหลัง ได้กระทำมาโดยบริบูรณ์แล้วนั้น ครั้นได้ฟังพระสัทธรรมเทศนามิช้าก็ได้มรรค เมื่อได้มรรค แล้วต่อไปอีกขณะจิตเดียวก็ได้ผล ส่วนภิกษุที่เป็นปุถุชนนั้น เมื่อกำหนัดยินดีอยากได้บรรลุ นิปปปัญจธรรมคืออริยผล ต้องพากเพียรเล่าเรียนซึ่งนวังคสัตถุศาสนานั้นโดยลำดับจึงจะสำเร็จ ได้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น              ประการหนึ่ง บพิตรพระราชสมภารเจ้าจงทรงสดับซึ่งอุปมาอีกอย่างหนึ่งเล่า เปรียบ ด้วยบุรุษ ๒ คน เข้าไปป่าเพื่อว่าจะแสวงหาผลาผล จึงไปปะไม้ต้นหนึ่งทรงผลพุ่มพวง ดิบห่าม สุกสารพัดที่จะมีอยู่บนต้น บุรุษชายคนหนึ่งมีกำลังวังชา บุรุษชายคนหนึ่งหากำลังมิได้ อ้อน แอ้นนักหนา ฝ่ายบุรุษที่มีกำลังวังชากล้านั้น ก็ถกเขมนโจงกระเบนให้มั่นโดดขึ้นไปบนต้นไม้ ฉวยเอาผลไม้ได้ก่อน บุรุษที่อ้อนแอ้นหากำลังมิได้ ก็หาไม้ทำพะโอง ตัดพะโองได้เอาพาดต้น ไม้นั้นขึ้นไปตามพะโองได้ผลไม้เหมือนกัน แต่ต่างกันด้วยเร็วกับช้า ฉันใดก็ดี บุคคลที่มีบุพพ- วาสนาได้กระทำมาเป็นสภาวะบริสุทธิ์ กับพระภิกษุปุถุชนนั้นก็ได้พระอริยผลเหมือนกัน แต่ทว่าเร็วกับช้า บุคคลที่มีวาสนาเป็นสภาวะบริสุทธิ์ได้ผลก่อน ขอถวายพระพร              ประการหนึ่ง บพิตรพระราชสมภารจงทรงพระสวนาการฟังซึ่งอุปมาให้ภิยโยภาวะประ หลาดไปอีกอย่างหนึ่งเล่า เปรียบดังบุรุษชาย ๒ คนจะกระทำกิจธุระสักอย่างหนึ่งอย่างใด คนหนึ่ง เป็นคนเข้าใจในกิจธุระนั้นก็กระทำให้สำเร็จไปได้เองแต่ผู้เดียว อีกคนหนึ่งไม่รู้จักทำ ต้องจ้าง เขาด้วยทรัพย์จึงทำได้ แต่ก็ทำให้สำเร็จได้เหมือนกัน ผิดกันที่ช้ากับเร็วเท่านั้น ความนี้เปรียบ ฉันใด ท่านผู้มีบุพพวาสนาได้กระทำมาเป็นสภาวะบริสุทธิ์แล้ว กับพระภิกษุที่เป็นปุถุชนนั้น ก็ สำเร็จพระอริยผลเหมือนกันแล แต่ทว่าช้ากับเร็ว ที่บุคคลมีบุพพวาสนานั้นจะได้วสีในอภิญญา ๖ นั้น ขณะจิตเดียวก็ได้โดยเร็วพลัน จะได้ช้าอยู่จนสองขณะจิตหามิได้ ส่วนพระภิกษุที่เป็น ปุถุชนนั้นช้าอยู่ จะต้องพากเพียรเล่าเรียนไปโดยลำดับก่อน กว่าวาสนาจะแก่กล้า เหตุฉะนี้ สมเด็จพระบรมครูสัพพัญญูผู้ประเสริฐ จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสให้โอวาทคำสั่งสองพระภิกษุ ืทั้งหลาย ให้มั่นหมายกำหนัดยินดีในฝ่ายที่จะได้ซึ่งนิปปปัญจธรรมคือพระอริยผลนั้น การที่ พระองค์มีพระพุทธฎีกาเช่นนั้น จะนับว่าเป็นอันพระองค์ตรัสห้ามปราม มิให้พระภิกษุเล่าเรียน บอกกล่าวพระไตรปิฎกสืบไปหามิได้ บพิตรจงทราบดังวิสัชนามานี้ ขอถวายพระพร              พระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี ได้ทรงสดับข้อวิสัชนาปัญหานี้ ท้าวเธอทรงเลื่อมใสยินดี ด้วยถ้อยคำพระนาคเสนผู้เฉลิมปราชญ์ ก็ตรัสประภาษสาธุการดุจนัยหนหลัง
นิปปปัญจปัญหา คำรบ ๒ จบเพียงนี้

             เนื้อความมิลินทปัญหา หน้าที่ ๓๔๗ - ๓๔๙. http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=146              สารบัญมิลินทปัญหา http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=0#item_146

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]