ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก  หนังสือธรรมะ
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
มิลินทปัญหา
ทุติยวรรค
ธัมมสันตติปัญหา ที่ ๑
             ราชา สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมิทาธิบดี มีพระราชโองการถามอรรถปริศนาแก่พระ นาคเสนว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า มนุษย์และบุรุษหญิงชายฝูงสัตว์ทั้ง หลาย ๒ เท้าก็ดี ๔ เท่าก็ดี หาเท้ามิได้ก็ดี ครั้นเกิดมาในโลกนี้ถ้าเป็นชายเมื่อยังเป็นทารกอยู่ ครั้นเจริญวัยใหญ่ขึ้นก็กลายเป็นชายอื่นไป ถ้าว่าเป็นสตรีก็เป็นสตรีอื่นไป ถ้าเป็นสัตว์สองเท้า ก็กลายเป็นสัตว์สองเท้าอื่นไป ถ้าเป็นสัตว์สี่เท้าก็กลายเป็นสัตว์มีเท้ามากอันอื่นไปถ้าเป็นสัตว์ หาเท้ามิได้ก็กลายเป็นสัตว์หาเท้ามิได้อันอื่นไป ที่มีเท้ามากก็กลายเป็นสัตว์มีเท้ามากอันอื่นไป อย่างนั้นหรือประการใด              พระนครเสนวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐในราช สมบัติ อันว่ามนุษย์และสัตว์เดียรัจฉานทั้งปวงเกิดมาแล้ว จะได้กลายเป็นอื่นไปนั้นหามิได้ ฝ่ายมนุษย์นั้นที่เกิดมาเป็นสตรีผู้นั้นก็เป็นสตรี ที่เกิดมาเป็นบุรุษผู้นั้นก็เป็นบุรุษ จะว่าด้วยสัตว์ เดียรัจฉานเล่าก็เหมือนกัน เกิดมาแล้วเป็นนามเป็นรูปสิ่งหนึ่ง และจะกลายเป็นนามรูปอื่นหามิ ได้ ขอถวายพระพร              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นสาคลนคร มีสุนทรพระราชโอการตรัสว่า โยมยังสงสัย นิมนต์ พระผู้เป็นเจ้าอุปมาให้แจ้งก่อน              พระนาคเสนถวายพระพรอุปมาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร เปรียบปาน ดังบพิตรพระราชสมภารฉะนี้ เมื่อยังเป็นทารกแรกประสูตินั้น พระกำนัลนางนมเชิญให้ บรรทมหงายอยู่บนพระที่พระยี่ภู่ ณ พระอู่ทอง แต่เมื่อยังเป็นทารกอยู่นั้น ครั้นทรงพระจำเริญ มาคุ้มเท่าบัดนี้นี่ เป็นมหาบพิตรนี้หรือว่าเป็นอื่นไป              พระเจ้ามิลินท์บรมกษัตริย์ตรัสว่า เมื่อเป็นทารกอยู่นั้นก็เป็นทารกอยู่ ครั้นจำเริญมา ก็เป็นอื่นไป จะได้เรียกว่าทารกนั้นคือโยมนี้มิได้ เมื่อเล็กอย่างหนึ่ง เมื่อโตอย่างหนึ่ง ตกว่า เกิดมาแล้ว เมื่อเป็นทารกมีนามรูปอย่างหนึ่ง ครั้นจำเริญใหญ่แล้วก็เป็นอื่นไป กระนี้แหละ พระผู้เป็นเจ้า              พระนาคเสนถวายพระพรว่า ถ้าบพิตรพระราชสมภารตรัสฉะนี้ มารดาของมนุษย์บุรุษ สตรีก็ดี เมื่อแรกเกิดในกลละก็เป็นอื่น เมื่อกลละข้นเข้าเป็นอัพพุทะ มารดาก็จะเป็นคนอื่น เมื่อจะเป็นชิ้นมังสัง มารดาก็จะกลายเป็นอื่น เมื่อตั้งฆนะเป็นเนื้อแน่น ตราบเท่าแตกเป็นปัญจ- สาขากายาบริบูรณ์นั้น มารดาก็จะกลายเป็นอื่นๆ ไปทุกที ตราบเท่าออกจากครรภ์มารดายัง เป็นทารกอยู่ มารดาก็จะกลายเป็นมารดาอื่น ครั้นจำเริญใหญ่ มารดาก็จะกลายเป็นคนอื่น นี่ มารดาก็ยืนอยู่ผู้เดียวมิได้กลับไปเป็นอื่น ถ้าจะถือว่าตัวกลายเป็นผู้อื่นแล้ว นับถือไว้ว่าเป็น มารดาทำไม อนึ่งเล่าเรียนศิลปศาสตร์ไว้แต่น้อย ครั้นใหญ่โตแก่เฒ่าไป ศิลปศาสตร์ที่เล่าเรียน ไว้ก็จะมิพลอยกลายตามกายแก่เฒ่าไปด้วยหรือ ก็เมื่อเปล่าทีเดียว ไฉนจึงจะทรงพระดำริ ผิดไปฉะนี้เล่า ขอถวายพระพร              ฝ่ายพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากร จึงตรัสว่าเมื่อเป็นไปอย่างนี้เล่า พระผู้เป็นเจ้าจะเห็น เป็นกระไร จงวิสัชนาไปในกาลบัดนี้              พระนาคเสนจึงมีวาจาถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ ยิ่งมิ่งมหาศาล เปรียบปานเหมือนอาตมาฉะนี้แล เมื่อยังเป็นทารกอยู่ก็ตัวอาตมา ครั้นว่าจำเริญ ใหญ่มาก็ตัวของอาตมา จะได้กลับกลายเป็นอื่นหามิได้ เมื่อบพิตรตรัสว่า เมื่อน้อยๆ เป็นผู้นี้ เมื่อใหญ่เป็นผู้อื่น ก็ถ้าเมื่อเล็กนั้นตีนด้วน หัวด้วน หูฉีก ปากแหว่งก็ดี ถ้าใหญ่ขึ้นกลายเป็น อื่นได้ก็จะกลับกลายมีกายเป็นปรกติหาตำหนิมิได้ นี้แหละรูปเข้าใจแรกเกิดเป็นสตรีก็เป็นสตรี เป็นชายก็เป็นชาย ถึงมาตรว่าอุภโตพยัญชนกะที่ข้างเป็นชาย ข้างแรมกลายเป็นสตรีนั้นก็ดี ดวงจิตก็ดวงเดียว รูปก็เดียวนั้น จะได้เป็นอื่นหามิได้ เช่นอาตมาฉะนี้ เมื่อน้อยก็ตัวอาตมา เมื่อใหญ่จนได้บรรพชานี้ก็ตัวอาตมา ขอถวายพระพร              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรจึงตรัสประภาษว่า โยมนี้ยังสงสัย นิมนต์พระผู้เป็น เจ้าอุปมาอุปไมยให้แจ้งก่อน              พระนาคเสนถวายพระพรว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร ปานประดุจ ประทีปอันเดียวบุคคลตามไว้แต่หัวค่ำจนรุ่ง จึงใส่ไส้เติมน้ำมันไปกว่าจะรุ่ง ตามไว้เมื่อปฐม- ยามนั้นจะเป็นประทีปอื่น หรือว่าในมัชฌิมยามมิใช่ประทีปนั้น เป็นประทีปอื่น หรือว่าในปัจฉิม- ยามล่วงแล้วมิใช่ประทีปนั้น จะได้เป็นประทีปอันอื่นหรือประการใด              พระเจ้ามิลินท์ปิ่นสาคลนครจึงมีพระบวรราชโองการตรัสว่า จะเป็นประทีปอื่นหามิได้ ประทีปในปฐมยามตามไว้ก็เป็นประทีปอันนั้น เมื่อมัชฌิมยามตามอยู่ก็ประทีปอันนั้น เมื่อ ปัจฉิมยามตามไว้ก็ประทีปอันนั้น จะได้เป็นประทีปอันอื่นหามิได้              พระนาคเสนเจ้าซักถามว่า เพราะเหตุอะไรเล่า มหาบพิตรพระราชสมภาร              สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์จึงมีพระราชโองการแก้ว่า เพราะเหตุว่าประทีปอันเดียวตามไว้ พระนาคเสนถวายพระพรว่า ประทีปอันเดียวตามไว้มิได้กลายเป็นอื่นไป ยถา มีครุวนา ฉันใดก็ดี ธรรมสันตติสืบสายแห่งรูปธรรมนามธรรมขอสัตว์ที่เกิดมาด้วยจิตปฏิสนธิคือจิตเกิด มานั้น และสืบสายแห่งรูปธรรมนามธรรมนี้ เดิมเมื่อยังไม่ปฏิสนธิคือยังไม่เกิดมานั้น เมื่อจะ บังเกิดเมื่อจะดับก็ดี ธรรมอันอื่นจะเกิดก็ดี ธรรมอันอื่นจะดับก็ดี ครั้นปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น รูปธรรมกับนามธรรมนี้ ก็เกิดขึ้นพร้อมกันไม่ก่อนไม่หลังกัน สัตว์ที่เกิดมาด้วยจิตปฏิสนธินั้น ถึงจะจำเริญใหญ่แก่เฒ่าไปประการใดก็ดี น จ อญฺโญ จะได้เป็นจิตอื่นรูปอื่นหามิได้ คือปัจฉิม- วิญญาณจิต จิตแรกปฏิสนธิเกิดมานั้น จะได้เป็นสัตว์อื่นจิตอื่นหามิได้ ก็จิตดวงเดียวเมื่อเกิดนั้น เหมือนประทีปดวงเดียวตามไว้ตั้งแต่ปฐมยามตราบเท่าปัจฉิมยามนั้น ขอถวายพระพร              ขณะนั้นพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากร มีพระบวรราชโองการตรัสว่า ปัญหานี้โยมยังสงสัย นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าอุปมาอุปไมยให้ภิยโยภาวะยิ่งไปกว่านี้              พระนาคเสนจึงถวายอุปมาสืบไปอีกเล่าว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ ประเสริฐยิ่งมิ่งมหาศาล ขอถวายพระพร เปรียบปานประดุจน้ำนมโค ที่บุคคลรีดแล้วใส่ ภาชนะขังไว้นาน เวลากาลล่วงไปก็กลายเป็นทธิ แล้วนานเข้าก็เป็นนวนีตะเป็นเปรียงไป ก็คน ทั้งหลายจะเรียกอย่างไร จะเรียกว่านวนีตะใช่น้ำนม ทธิใช่น้ำนม เปรียงใช่น้ำนม จะเรียกฉะนี้ หรือประการใด              พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีตรัสว่าหามิได้ เขาไม่เรียกอย่างนั้น เขาก็เรียกว่าน้ำ นมนวนีตะ นมทธิ นมเปรียง อาศัยน้ำนมเดิมนั้น              พระนาคเสนถวายพระพรว่า ฉันใดก็ดี ธรรมสันตติคือสืบต่อเป็นรูปธรรม นามธรรม ตั้งขึ้นเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นจิตแล้วจะจำเริญวัยใหญ่โตแก่เฒ่าไปประการใด ก็ถึงซึ่งคงเรียกว่าจิตแรก เกิดนั้น จะเป็นจิตอื่นจะเป็นผู้อื่นไปหามิได้ อุปไมยดุจนมโคอันกลายเป็นนวนีตะเป็นเปรียงนั้น ใช่อื่นคือนมนั่นเอง ขอบพิตรพระราชสมภารจงทราบพระญาณเถิด ขอถวายพระพร              พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นประชากรได้ฟังก็ยินดีปรีดา มีพระราชโองการตรัสว่า พระผู้เป็นเจ้า อุปมานี้สมควรกับปัญหาในกาลบัดนี้
ธัมมสันตติปัญหา คำรบ ๑ จบเท่านี้

             เนื้อความมิลินทปัญหา หน้าที่ ๖๔ - ๖๖. http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=20              สารบัญมิลินทปัญหา http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=0#item_20

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]