ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก  หนังสือธรรมะ
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
มิลินทปัญหา
เถรัสสติกขปฏิภาณปัญหา ที่ ๓
             อถ โข มิลินโท ราชา ครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีสุนทรพจ- นารถพระราชโองการถามอรรถปัญหาสืบไปว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า อันว่าบรรพชาของพระผู้เป็นเจ้านี้ โก ปรมตฺโถ มีประโยชน์อันอุดมดีอย่างไร กิมตฺถิยา ประโยชน์ด้วยสิ่งอันใดจึงบรรพชา พระผู้เป็นเจ้าจงวิสัชนาแก้ไขให้แจ้งก่อน              พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ดูกรบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐในสิริ ราชมไหศวรรย์ บรรพชาของอาตมานั้นเป็นประโยชน์ดับเสียซึ่งทุกข์ที่มีในสันดาน แล้วมิให้ ทุกข์ประการอื่นบังเกิดได้ ประการหนึ่งบรรพชาของอาตมานี้ประเสริฐยิ่งนัก จักให้เป็นประโยชน์ แก่มนุษย์นิกรเทวดา มนุษย์นิกรเทวดาไหว้นบเคารพบูชาถวายไทยทาน บรรดาที่จะให้เกิดผล เมื่อสิ้นชนม์มรณกาลแล้ว เดชะผลที่ได้กระทำสักการถวายทานแก่รูปอันบรรพชาก็จะปิดเสียซึ่ง ประตูจตุราบาย ก็จะได้ไปชมสมบัติ ๓ ประการ คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ เหตุฉะนี้รูปจึงว่า บรรพชาของรูปนี้โสด จะให้เป็นประโยชน์แก่นิกรมนุษย์เทวดาทั้งหลาย ขอถวายพระพร              พระจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นสาคลนคร ได้ทรงฟังพระนาคเสนสำแดงแจ้งกระจ่าง ก็มิได้มี ทางที่จะซักไซ้ ก็หันเหเสประภาษพจนารถอื่นไปว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสน โยมนี้อยากจะใคร่พูดอยากใคร่เจรจาพาทีกันด้วยพระผู้เป็นเจ้านักหนา พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า ดูรานะมหาบพิตรจะเป็นอะไร ตรัสว่ากระไรจงตรัสเถิด แต่บพิตรผู้ประเสริฐอย่าประภาษด้วยราชวาท จงตรัสกับอาตมาเป็นบัณฑิตวาท              พระเจ้ามิลินท์นรินทรราชจึงประภาษถามว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า บัณฑิต- วาทนักปราชญ์เจรจานี้เจรจาประการใด โยมยังสงสัยอยู่ นิมนต์วิสัชนาไปก่อน              อ้อ ขอถวายพระพร ธรรมดาว่าปราชญ์เจรจาย่อมสุนทรอ่อนหวานมิได้เจรจาหักหาญข่มขี่ ปฏิกฺกมฺม กระทำดีเรียบร้อย ถ้อยคำย่อมกระทำให้วิเศษต่างๆ ย่อมกระทำปฏิเสธกั้นกาง การอกุศลกรรม อเวฐนํ ย่อมกระทำเคล้าคลึงโน้มน้อมเข้าในสิ่งเป็นกุศล มีรักษาศีลให้ทาน เป็นต้น น กุปฺปนฺติ มิได้กำเริบรานร้ายกาจ ธรรมดาว่าปราชญ์ย่อมเจรจาดุจอาตมาวิสัชนาฉะนี้ ขอถวายพระพระ              พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าผู้ฉลาด อีกประการหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าว่าราชวาทคือคำกษัตริย์ขัตติย- มหาศาล นั้นเป็นประการใด จงวิสัชนาให้โยมฟังก่อน              ขอถวายพระพร บรมกษัตริย์ขัตติยมหาศาลจะตรัสย่อมหักหาญเอาด้วยปัญญาของตน ปฏิญาณในวัตถุสิ่งเดียว ได้ตรัสให้กระทำดังนี้ ถ้ามีผู้ใดขัดพระราชโองการโสด โทษก็มียิ่งแก่ ผู้นั้น อันกษัตริย์นี้จะตรัสเจรจาพาทีมิได้อนุโลมตามใคร ความกระนี้จึงไม่ให้ตรัสด้วยอาตมา เป็นคำราชวาท บพิตรจะตรัสเป็นราชวาทกับอาตมา อาตมาก็มิได้สนทนาด้วยบพิตรพระราช- สมภาร ในกาลบัดนี้              ขณะนั้นสมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า โยมนี้จะเอาคำนักปราชญ์มาเจรจา มิได้พูดกับพระผู้เป็นเจ้าโดยคำ ท้าวคำพระยา              อ้อ ถ้ากระนั้นจะตรัสอย่างไรเร่งตรัสมาเถิด ขอถวายพระพร              พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นสาคลนคร จะลองปัญญาพระผู้เป็นเจ้าว่าจะเขลาเคลิ้มประการใด จึงตรัสไต่ถามเป็นสำนวนลมปากเปล่าอีกเล่าว่า โยมจะถามพระผู้เป็นเจ้า              บพิตรจะถามอย่างไร จงถามเถิด              โยมถามแล้ว              ขอถวายพระพร อาตมาแก้แล้ว พระผู้เป็นเจ้าแก้อย่างไร จงวิสัชนาให้แจ้งก่อน              ขอถวายพระพร อาตมาแก้แล้ว              พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีไต่ถามปัญหาสำนวนเปล่าเช่นนี้ทีหนึ่งแล้วกลับมา ถามซ้ำอีกเล่า หวังจะลองปัญญาพระนาคเสนว่าจะเขลาหรือฉลาด จะยั่งยืนอยู่ไม่ครั่นคร้าม หรือประการใดเท่านั้น
เถรัสสติกขปฏิภาณปัญหา คำรบ ๓ จบเท่านี้
             อถ โข มิลินฺทสฺส รญฺโญ เอตทโหสิ แท้จริงอันดับนั้นมา สมเด็จบรมกษัตราธิราช มิลินท์ภูมินทราธิบดี ทรงพระราชดำริฉะนี้ว่า อยํ ภิกฺขุ พระภิกษุรูปนี้ ปณฺฑิโต มีปัญญาอาจ สามารถที่จะวิสัชนาได้ อาตมาจะถามโดยเหตุอันพิเศษหลากๆ มากนักหนา เวลานี้ก็เป็นเวลา สายัณห์ตะวันอัสดงลงลับไป เสฺว ต่อวันรุ่งพรุ่งนี้จะให้นิมนต์พระนาคเสนเข้าไปสู่พระราช- ฐานของอาตมา จะถามอรรถปัญหาให้หลากๆ มากกว่านี้ ดำริแล้วพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทรา ธิบดีมีพระราชโองการสั่งเทวมันติยอำมาตย์ผู้ฉลาดว่า ดูกรเทวมันติยอำมาตย์ จงอาราธนา พระผู้เป็นเจ้านาคเสนให้เข้ามาสั่งสนทนากับด้วยเราในราชนิเวศน์แต่เพลาเช้าอย่าให้พระผู้เป็นเจ้า ไปในที่อื่น ตรัสแล้วพระองค์ก็ลาพระภิกษุแปดหมื่นกับพระนาคเสนเสด็จถึงประตูอสงไขย บริเวณวงวัด อสฺสํ อภิรุยฺหิตฺวา ก็เสด็จขึ้นหลังอาชาชาติสินธพพระที่นั่งทรง พร้อมด้วยหมู่ นิกรแสนจตุรงค์ พระองค์ก็ตรัสบ่นแต่ว่า นาคเสน นาคเสน มาบนหลังสินธพ พระที่นั่งกระทั่ง ถึงประตูพระราชวัง เสด็จเข้ายังอันเตปุระราชนิเวศน์ตำหนักทองของพระองค์ในกาลครั้งนั้น              ฝ่ายเทวมันติยอำมาตย์ ก็อาราธนาพระนาคเสนดุจกระแสพระราชโองการ ส่วนพระ นาคเสนก็ชื่นบานรับอาราธนา ตสฺส รตฺติยา อจฺจเยน ครั้นรุ่งราษราตรีรัศมีทิวากรสว่าง กระจ่างฟ้า ฝ่ายว่าอำมาตย์ทั้งหลาย ๔ คน ชื่อว่าเนมิตติยอำมาตย์คน ๑ ชื่อว่าอันตกาย อำมาตย์คน ๑ ชื่อว่าอังกุรอำมาตย์คน ๑ ชื่อว่าสัพพทินนอำมาตย์คน ๑ สิริเป็น ๔ คนด้วยกัน จึงทูลสมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เพลาเช้าวันนี้ทรงพระกรุณาจะให้พระนาคเสนมาสู่ราชฐานหริอประการใด              จึงมีพระราชโองการตรัสว่า เออให้เธอเข้ามาเถิด              อำมาตย์จึงทูลว่าข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ พระภิกษุบริวารพานจะมากถึงแปดสิบพัน จะโปรดให้พระนาคเสนนั้นนิมนต์มาด้วยเท่าไร              จึงมีพระราชโองการตรัสว่า ตามแต่ในพระนาคเสนท่านจะพามา สัพพทินนอำมาตย์จึงทูลว่า ขอพระราชทานให้พระนาคเสนนิมนต์พระสงฆ์มาด้วย ๑๐ องค์ อย่าให้เอามามากเลย              พระราชโองการตรัสว่า สัพทินนะเอ่ย อย่าบังคับเลย ตามใจท่านจะมาเถิด สัพพทินน- ของที่จะเลี้ยงพระภิกษุนี้สิ้นไปไม่มีหรือประการใด ท่านจะเข้ามาเท่าไรตามใจท่าน โภชนา อาหารในราชฐานของเรามีเป็นนักเป็นหนา จังหันจะไม่พอเพียงที่จะเลี้ยงท่านหรือประการใด              สัพพทินนะฟังพระราชโองการก็ก้มหน้านั่งนิ่งอยู่ หารู้ที่จะรู้ทูลทัดขัดพระราชโองการไม่              ส่วนอำมาตย์ทั้ง ๔ ได้สวนาการฟังกระแสพระราชโองการฉะนี้ อำมาตย์ทั้ง ๔ คือ สัพพทินนะ เนมิตติยะ เจ้าอังกุระและเจ้าอันตกายะ ก็พากันถวายบังคมลาลุกมาขมีขมัน มิทันใดก็ถึงอสงไขยบริเวณ จึงเข้าไปสู่สำนักพระนาคเสน องค์เอกอเสกขบุคคล นิมนต์พลันว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า มีพระราชโองการให้กระหม่อมฉันมานิมนต์พระเจ้าให้เข้าไป ฉันยังนิเวศน์วังใน กับภิกษุบริวารมากเท่าใดก็ตามน้ำใจพระผู้เป็นเจ้าจะพาเข้าไปในกาลบัดนี้              อถ โข อายสฺมา นาคเสโน ขณะนั้นพระนาคเสนองค์พระอรหันต์อันมีอายุมิ่งมงกุฎ- โมลีโดยฟังอำมาตย์ทั้ง ๔ อาราธนา ปตฺตจีวรมาทาย ก็นุ่งสบงทรงจีวรมีพระกรจับบาตร พาสงฆ์แปดหมื่นลีลาศมาเป็นอันดับกัน ปุพฺพณฺหสมเย แต่เพลาเช้าพระผู้เป็นเจ้าก็เข้าสู่พระ ราชธานี ฝ่ายอำมาตย์ทั้ง ๔ ก็ตามไปด้วยกัน

             เนื้อความมิลินทปัญหา หน้าที่ ๔๒ - ๔๕. http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=7              สารบัญมิลินทปัญหา http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=0#item_7

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]