บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ติลทักขิณวิมานนั้น เกิดขึ้นอย่างไร? พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูโลกเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นนางด้วยทิพยจักษุ ทรงพระดำริว่า วันนี้ หญิงผู้นี้จักตายไปบังเกิดในนรก ถ้ากระไร เราพึงทำนางให้ไปสวรรค์ด้วยการรับอาหารคืองา. พระองค์ก็เสด็จจากกรุงสาวัตถี ถึงกรุงราชคฤห์ ขณะนั้นนั่นเอง เวลาเช้าทรงนุ่งแล้ว ก็ทรงถือบาตรและจีวรเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ เสด็จถึงประตูเรือนของนางโดยลำดับ. หญิงผู้นั้นเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดปีติโสมนัส รีบลุกขึ้นประคองอัญชลีประนม ไม่เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย ล้างมือเท้าแล้ว ตะล่อมงาเป็นกอง กอบด้วยมือทั้ง ๒ เกลี่ยงาเต็มอัญชลีลงในบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วถวายบังคม. พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงอนุเคราะห์นางจึงตรัสว่า จงเป็นสุขเถิด แล้วเสด็จกลับไป. เวลาใกล้รุ่งของคืนนั้น นางก็ตายไปบังเกิดในวิมานทองสิบสองโยชน์ ภพดาวดึงส์เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น. ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานเถระเที่ยวเทวจาริกเข้าไปหาโดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลัง ถามว่า ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะงาม ส่องแสงสว่างไปทุกทิศ ประหนึ่ง ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ. เทวดานั้นดีใจ ถูกท่านพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้. จึงกล่าวตอบว่า ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ในชาติก่อน ในมนุษยโลก ดีฉันได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจาก กิเลสดุจธุลีผ่องใสไม่มัวหมอง เลื่อมใสแล้ว ไม่ต้อง การงาอีกละ จึงรวบรวมทักษิณาไทยธรรม คืองา ถวายเป็นทาน แด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นทักขิไณยบุคคล ด้วยมือตนเอง. เพราะบุญนั้น วรรณะของดีฉันจึงเป็นเช่นนั้น เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุก อย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน. ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก แก่ท่าน ดีฉันครั้งเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญใด เพราะ บุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะ ของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ. อาสัชชศัพท์นี้ว่า อาสชฺช ในคาถากล่าวตอบนั้นมาในอรรถว่ากระทบ, เสียดสี ได้ในบาลีเป็นต้นว่า อาสชฺช นํ ตถาคตํ เสียดสีพระตถาคตนั้น. มาในอรรถว่าประชุม, รวบรวม ได้ในบาลีเป็นต้นว่า อาสชฺช ทานํ เทติ รวบรวมถวายทาน. แม้ในที่นี้ พึงเห็นว่ามาในอรรถว่า รวบรวม เท่านั้น. เพราะฉะนั้น จึงมีความว่า รวบรวมแล้ว มาถึงแล้วโดยความพร้อมเพรียง. ด้วยเหตุนั้น เทวดาจึงกล่าวว่า อกามา. จริงอยู่ เทวดาองค์นั้นไม่ได้คิดจะถวายทานมาก่อน ก่อนที่จะจัดหาไทยธรรมหมายเอาติลทาน ไทยธรรมคืองาที่เป็นไปอย่างฉุกละหุก ในพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งเสด็จมาถึงอย่างกะทันหัน จึงกล่าวว่า อาสชฺช ทานํ อทาสึ อกามา ติลทกฺขิณํ ไม่ต้องการงาอีกละ จึงรวบรวมทักขิณา [คือไทยธรรม] ถวายเป็นทาน. คำที่เหลือมีนัยที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้น. จบอรรถกถาติลทักขิณวิมาน ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปิฐวรรคที่ ๑ ๑๐. ติลทักขิณวิมาน จบ. |