บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
พระเถรีชื่อมุตตาแม้นี้ ก็สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลไว้ในภพนั้นๆ ในพุทธุปปาทกาลนี้ บังเกิดเป็นบุตรสาวของพราหมณ์ยากจนในโกศลชนบท เวลาเจริญวัย บิดามารดาได้ให้เธอแก่พราหมณ์ค่อมคนหนึ่ง. เธอไม่ชอบครองเรือนกับพราหมณ์ค่อมนั้น ขออนุญาตเขาบวชแล้ว เจริญวิปัสสนา จิตของเธอพล่านไปในอารมณ์ภายนอก เธอข่มจิตนั้นกล่าวคาถาว่า เราเป็นผู้พ้นด้วยดี เป็นผู้พ้นโดยชอบเป็นต้น ขวนขวายวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตตระ มีจักษุในธรรมทั้งปวง ทรงอนุเคราะห์เหล่าสัตว์ เสด็จเข้าบุรีเพื่อบิณฑบาต เมื่อพระศาสดาพระองค์นั้นเสด็จมา ชาวพระนครเหล่านั้นทั้งหมดต่างร่าเริงยินดี มาร่วมกันเกลี่ยทราย กวาดถนน ยกต้นกล้วย หม้อมีน้ำเต็ม ธง เอาธูป จุรณและพวงดอกไม้สักการะพระศาสดา ข้าพเจ้ามอบถวายมณฑป นิมนต์พระผู้นายกวิเศษ ถวายมหาทาน ปรารถนาพระสัมโพธิญาณ พระมหาวีระพระนามปทุมุตตระ ผู้นำเหล่าสรรพสัตว์ ผู้เป็นอัครบุคคล ทรงอนุโมทนาแล้วทรงพยากรณ์ว่า เมื่อล่วงไปแสนกัปจักมีภัทรกัป เธอได้ความสุขในภพน้อยใหญ่ทั้งหลายแล้วจักบรรลุพระโพธิญาณ ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งทั้งชายและหญิงผู้กระทำหัตถกรรมทั้งหมดจักประชุมพร้อมกันในอนาคตกาล ชนเหล่านั้นจักเป็นบริจาริกาคนรับใช้ของเธอ ในเทวพิภพที่เธอเกิด ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นและด้วยความตั้งใจมั่น ย่อมเสวยทิพยสุขและมนุษย์สุขอันนับไม่ได้. พวกเราท่องเที่ยวไปในภพน้อยใหญ่ตลอดกาลนาน จากนี้ไปแสนกัป ข้าพเจ้าได้ทำกรรมใดไว้ในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้สุขุมาลชาติในมนุษยโลกและเทวโลก ข้าพเจ้าได้รูป โภคะ ยศ อายุ เกียรติและสุขที่น่ารัก ทั้งหมดเป็นความถึงพร้อมแห่งกุศลกรรมที่ทำติดต่อกัน. ครั้นถึงภพสุดท้าย ข้าพเจ้าเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีมือเท้าละเอียดอ่อนในนิเวศน์ที่น่ารื่นรมย์ตลอดกาลทั้งปวง ข้าพเจ้าไม่เห็นสิ่งที่ไม่งามบนปฐพี ข้าพเจ้าไม่เห็นภาคพื้นที่เป็นโคลนเลนไม่สะอาด ในกาลไหนๆ ข้าพเจ้า เผากิเลสแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว. ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อเปล่งอุทาน พระเถรีได้กล่าวคาถานี้ว่า เราเป็นผู้พ้นด้วยดี เป็นผู้พ้นโดยชอบ ด้วย ความหลุดพ้นจากความค่อม ๓ อย่างคือ ค่อมเพราะ ครก ๑ ค่อมเพราะสาก ๑ ค่อมเพราะสามี ๑ เป็น ผู้พ้นแล้วจากความเกิดและความตาย ถอนตัณหา เครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุมุตฺตา ได้แก่ พ้นแล้วด้วยดี. บทว่า สาธุ มุตฺตามฺหิ ความว่า เป็นผู้พ้นดี คือโดยชอบนั่นเอง ก็เป็นผู้พ้นด้วยดี เป็นผู้พ้นโดยชอบ จากอะไร ฉะนั้น จึงกล่าวว่า ตีหิ ขุชฺเชหิ มุตฺติยา ความว่า ด้วยความหลุดพ้นจากความคด ๓ อย่าง. บัดนี้เมื่อจะแสดงความคดเหล่านั้นโดยย่อ พระเถรีจึงกล่าวว่า ค่อมเพราะครก ๑ ค่อมเพราะสาก ๑ ค่อมเพราะสามี ๑ ดังนี้. ด้วยว่าเมื่อใส่ข้าวเปลือกในครก กลับข้าวไปมาและตำอยู่ด้วยสาก ย่อมต้องก้มหลังดังนั้น ท่านจึงกล่าวเหตุทั้งสองว่าค่อม เพราะเป็นเหตุให้ทำความค่อม. อนึ่ง สามีของพระเถรีนั้นเป็นคนค่อมทีเดียว. บัดนี้ พระเถรีกล่าวความพ้นจากความค่อม ๓ อย่างเป็นการแสดงความพ้นใด เมื่อแสดงความพ้นนั่นแหละ พระเถรีกล่าวว่า เป็นผู้พ้นแล้วจากความเกิดและความตาย แล้วกล่าวถึงเหตุในเรื่องนั้นว่า ถอนตัณหาเป็นเครื่องนำไปสู่ภพได้แล้ว. เนื้อความของบทนั้นว่า ข้าพเจ้ามิได้พ้นเพียงความค่อม ๓ อย่างเท่านั้น ที่แท้ข้าพเจ้าพ้นแม้จากความเกิดและความตายทั้งหมด เพราะตัณหาตัวที่เป็นเนตติคือนำไปสู่ภพทั้งหมด ข้าพเจ้าถอนขึ้นแล้วด้วยมรรคอันเลิศ (คืออรหัตมรรค). จบอรรถกถามุตตาเถรีคาถาที่ ๑๑ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรีคาถา เอกกนิบาต ๑๑. มุตตาเถรีคาถา จบ. |