บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๕. ภิกขุวรรค ๒. หังสฆาตกภิกขุวัตถุ
๒๕. ภิกขุวรรค หมวดว่าด้วยภิกษุ ๑. ปัญจภิกขุวัตถุ เรื่องภิกษุ ๕ รูป (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุ ๕ รูป ผู้สำรวมทวาร(ช่องตามร่างกาย) รูปละทวาร ดังนี้) [๓๖๐] การสำรวมตา เป็นการดี การสำรวมหู เป็นการดี การสำรวมจมูก เป็นการดี การสำรวมลิ้น เป็นการดี [๓๖๑] การสำรวมกาย เป็นการดี การสำรวมวาจา เป็นการดี การสำรวมใจ เป็นการดี การสำรวมทวารทั้งปวง เป็นการดี ภิกษุผู้สำรวมทวารทั้งปวง ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้๑-๒. หังสฆาตกภิกขุวัตถุ เรื่องภิกษุฆ่าหงส์ (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุผู้ฆ่าหงส์ ดังนี้) [๓๖๒] บุคคลผู้สำรวมมือ๒- สำรวมเท้า สำรวมวาจา สำรวมตน ยินดีธรรมภายใน๓- มีจิตตั้งมั่น อยู่ผู้เดียว สันโดษ บัณฑิตทั้งหลายเรียกว่า ภิกษุ @เชิงอรรถ : @๑ ทุกข์ หมายถึงทุกข์ในวัฏฏะ (ขุ.ธ.อ. ๘/๔๕) @๒ สำรวมมือ หมายถึงไม่คะนองมือ หรือไม่ทำร้ายสัตว์ด้วยมือ แม้เท้า วาจา ก็มีนัยเดียวกันนี้ (ขุ.ธ.อ. ๘/๕๔) @๓ ยินดีธรรมภายใน หมายถึงยินดีในการเจริญกัมมัฏฐาน คือ สมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน @(ขุ.ธ.อ. ๘/๕๕, ขุ.เถร.อ. ๑๐๓๕/๔๖๘) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๑๔๖}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๕. ภิกขุวรรค ๕. อัญญตรวิปักขเสวกภิกขุวัตถุ
๓. โกกาลิกวัตถุ เรื่องพระโกกาลิกะ (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้) [๓๖๓] ภิกษุรูปใดสำรวมปาก พูดโดยใช้มันตา๑- เสมอ ไม่ฟุ้งซ่าน แสดงแต่อรรถ๒- และธรรม๓- เท่านั้น ภาษิตของภิกษุนั้นไพเราะ๔. ธัมมารามเถรวัตถุ เรื่องพระเถระผู้ยินดีในธรรม [๓๖๔] ภิกษุมีธรรมเป็นที่มายินดี๔- ยินดีแล้วในธรรม พิจารณาใคร่ครวญถึงธรรม ระลึกถึงธรรมอยู่ ย่อมไม่เสื่อมจากสัทธรรม๕-๕. อัญญตรวิปักขเสวกภิกขุวัตถุ เรื่องภิกษุผู้คบฝ่ายผิดรูปใดรูปหนึ่ง (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุที่เป็นฝักฝ่ายของพระเทวทัต ดังนี้) [๓๖๕] ภิกษุไม่ควรดูหมิ่นลาภของตน ไม่ควรเที่ยวปรารถนาลาภของคนอื่น เมื่อภิกษุปรารถนาลาภของคนอื่น ย่อมไม่บรรลุสมาธิ๖- @เชิงอรรถ : @๑ มันตา หมายถึงปัญญา (ขุ.ธ.อ. ๘/๕๘) @๒ อรรถ หมายถึงเนื้อความแห่งภาษิต (ขุ.ธ.อ. ๘/๕๘) @๓ ธรรม หมายถึงธรรมเทศนา (ขุ.ธ.อ. ๘/๕๘) @๔ ธรรมเป็นที่มายินดี ในที่นี้หมายถึงสมถะและวิปัสสนา (ขุ.ธ.อ. ๘/๕๙-๖๐) @๕ สัทธรรม หมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ และโลกุตตรธรรม ๙ ประการ (ขุ.ธ.อ. ๘/๖๐) @และดูเทียบ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๐๓๕/๕๐๙ @๖ สมาธิ หมายถึงอัปปนาสมาธิ หรืออุปจารสมาธิ (ขุ.ธ.อ. ๘/๖๒) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๑๔๗}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๕. ภิกขุวรรค ๗. สัมพหุลภิกขุวัตถุ
[๓๖๖] ถ้าภิกษุแม้จะมีลาภน้อย แต่ไม่ดูหมิ่นลาภของตน เทวดาทั้งหลายย่อมสรรเสริญภิกษุนั้นแล ว่าเป็นผู้มีอาชีพหมดจด ไม่เกียจคร้าน๖. ปัญจัคคทายกพราหมณวัตถุ เรื่องพราหมณ์ถวายทานอันเลิศ ๕ อย่าง (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่พราหมณ์ และนางพราหมณีผู้ถวายทาน อันเลิศ ๕ อย่าง ดังนี้) [๓๖๗] ผู้ใดไม่มีความยึดถือในนามรูป ว่าเป็นของเรา โดยประการทั้งปวง และไม่เศร้าโศก เพราะนามรูปแปรผันไป ผู้นั้นแล เราเรียกว่า ภิกษุ๑-๗. สัมพหุลภิกขุวัตถุ เรื่องภิกษุหลายรูป (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้) [๓๖๘] ภิกษุผู้อยู่ด้วยเมตตา เลื่อมใสในพุทธศาสนา ก็จะพึงบรรลุสันตบท๒- อันเป็นที่ระงับสังขารเป็นสุข [๓๖๙] ภิกษุ เธอจงวิดเรือ๓- นี้ เรือที่เธอวิดแล้วจักถึงเร็ว เธอตัดราคะ โทสะได้แล้ว ต่อจากนั้น ก็จักบรรลุนิพพาน @เชิงอรรถ : @๑ ดูเทียบสุตตนิบาต ข้อ ๙๕๗ หน้า ๗๒๙ ในเล่มนี้ (บาทคาถาที่ ๔ ต่างกัน) @๒ สันตบท หมายถึงนิพพาน (ขุ.ธ.อ. ๘/๗๓) @๓ เรือ ในที่นี้หมายถึงอัตภาพ (ขุ.ธ.อ. ๘/๗๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๑๔๘}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๕. ภิกขุวรรค ๗. สัมพหุลภิกขุวัตถุ
[๓๗๐] ภิกษุพึงตัดสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ พึงละสังโยชน์เบื้องสูง ๕ และพึงเจริญอินทรีย์ ๕ ให้ยิ่งขึ้นไป ภิกษุผู้ก้าวล่วงกิเลสเครื่องข้อง ๕ ๑- ได้แล้ว เราเรียกว่า ผู้ข้ามโอฆะได้๒- [๓๗๑] ภิกษุ เธอจงเพ่งพินิจ และอย่าประมาท จงอย่าปล่อยจิตของเธอ ให้วนเวียนอยู่ในกามคุณ อย่าเผลอกลืนก้อนเหล็กแดง(ในนรก) อย่าเร่าร้อนคร่ำครวญอยู่ว่า นี่ทุกข์จริง [๓๗๒] ฌาน ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาก็ย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน ผู้มีทั้งฌานและปัญญานั่นแล จึงนับว่าอยู่ใกล้นิพพาน [๓๗๓] ภิกษุผู้เข้าไปยังเรือนว่าง๓- มีจิตสงบ เห็นแจ้งธรรมโดยชอบ ย่อมเกิดความยินดีที่ไม่ใช่เป็นของคนทั่วไป [๓๗๔] ขณะใด ภิกษุพิจารณาเห็นความเกิด และความเสื่อมของขันธ์ทั้งหลาย ขณะนั้น เธอย่อมได้รับปีติปราโมทย์ ซึ่งเป็นอมตธรรมสำหรับผู้รู้ทั้งหลาย [๓๗๕] ในอมตธรรมนั้น ธรรมนี้คือ ความสำรวมอินทรีย์ ความสันโดษ และความสำรวมในปาติโมกข์ เป็นเบื้องต้นของภิกษุผู้มีปัญญาในศาสนานี้ @เชิงอรรถ : @๑ กิเลสเครื่องข้อง ๕ อย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ และทิฏฐิ (สํ.ส.อ. ๑/๕/๒๔, ขุ.ธ.อ. ๘/๗๔) @๒ ดูเทียบ สํ.ส. (แปล) ๑๕/๕/๖, ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๕/๓๐๘, ๖๓๓/๔๔๙ @๓ เรือนว่าง ในที่นี้หมายถึงการนั่งเจริญกัมมัฏฐานในที่สงัดแห่งใดแห่งหนึ่ง (ขุ.ธ.อ. ๘/๗๕) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๑๔๙}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๕. ภิกขุวรรค ๙. สันตกายเถรวัตถุ
[๓๗๖] เธอจงคบภิกษุที่เป็นกัลยาณมิตร มีอาชีพหมดจด ไม่เกียจคร้าน ควรทำการปฏิสันถาร และฉลาดในเรื่องมารยาท เพราะปฏิบัติตามคุณธรรมดังกล่าวนั้น เธอก็จักมากด้วยความปราโมทย์ จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้๘. ปัญจสตภิกขุวัตถุ เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูป (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้) [๓๗๗] ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงสลัดราคะและโทสะทิ้งเสีย เหมือนต้นมะลิสลัดดอกที่เหี่ยวแห้ง ฉะนั้น๙. สันตกายเถรวัตถุ เรื่องพระสันตกายเถระ (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้) [๓๗๘] ภิกษุผู้มีกายสงบ๑- มีวาจาสงบ๒- มีใจสงบ๓- มีจิตตั้งมั่นดีแล้ว และเป็นผู้ละโลกามิสได้ เราเรียกว่าผู้สงบระงับ @เชิงอรรถ : @๑ มีกายสงบ หมายถึงไม่มีความประพฤติชั่วทางกายมีการฆ่าสัตว์ เป็นต้น (ขุ.ธ.อ. ๘/๗๙) @๒ มีวาจาสงบ หมายถึงไม่มีความประพฤติชั่วทางวาจามีการพูดเท็จ เป็นต้น (ขุ.ธ.อ. ๘/๗๙) @๓ มีใจสงบ หมายถึงไม่มีความประพฤติชั่วทางใจมีการเพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น เป็นต้น (ขุ.ธ.อ. ๘/๗๙) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๑๕๐}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๕. ภิกขุวรรค ๑๑. วักกลิเถรวัตถุ
๑๐. นังคลกูฏเถรวัตถุ เรื่องพระนังคลกูฏเถระ (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้) [๓๗๙] ภิกษุ เธอจงเตือนตนด้วยตนเอง จงพิจารณาดูตนด้วยตนเอง ถ้าเธอคุ้มครองตนเองได้แล้ว มีสติ เธอก็จักอยู่เป็นสุข [๓๘๐] ตนแล เป็นที่พึ่งของตน ตนแล เป็นคติ๑- ของตน เพราะฉะนั้น เธอจงสงวนตน๒- ให้ดี เหมือนพ่อค้าม้าสงวนม้าพันธุ์ดี ฉะนั้น๑๑. วักกลิเถรวัตถุ เรื่องพระวักกลิเถระ (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่พระวักกลิเถระ ดังนี้) [๓๘๑] ภิกษุผู้มากด้วยความปราโมทย์ เลื่อมใสในพุทธศาสนา พึงบรรลุสันตบท๓- อันเป็นธรรมเข้าไปสงบระงับสังขาร เป็นสุข๔- @เชิงอรรถ : @๑ เป็นคติ หมายถึงเป็นที่พำนัก หรือเป็นสรณะ (ขุ.ธ.อ. ๘/๘๒) @๒ สงวนตน หมายถึงป้องกันการเกิดอกุศลกรรมที่ยังไม่เกิดในตน (ขุ.ธ.อ. ๘/๘๒) @๓ ดูเชิงอรรถที่ ๒ หน้า ๑๔๘ ในเล่มนี้ @๔ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๑๑/๓๐๗ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๑๕๑}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๖. พราหมณวรรค ๑. ปสาทพหุลพราหมณวัตถุ
๑๒. สุมนสามเณรวัตถุ เรื่องสุมนสามเณร (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้) [๓๘๒] ภิกษุใดแลยังหนุ่มแน่น ย่อมประกอบขวนขวายในพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว๑- เหมือนดวงจันทร์พ้นจากเมฆ ฉะนั้น๒-ภิกขุวรรคที่ ๒๕ จบ ๒๖. พราหมณวรรค หมวดว่าด้วยพราหมณ์ ๑. ปสาทพหุลพราหมณวัตถุ เรื่องพราหมณ์ผู้เลื่อมใสมาก (พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้) [๓๘๓] พราหมณ์๓- เธอจงพยายามตัดกระแส๔- ให้ขาด จงบรรเทากามทั้งหลายให้ได้ เธอรู้ความสิ้นไปแห่งสังขารทั้งหลายแล้ว ก็จะรู้แจ้งสภาวะที่ปัจจัยอะไรปรุงแต่งไม่ได้๕- @เชิงอรรถ : @๑ หมายถึงให้โลกคือขันธ์ ๕ สว่างไสวด้วยอรหัตตมรรคญาณ (ขุ.ธ.อ. ๘/๑๐๐) @๒ ขุ.เถร. (แปล) ๒๖/๘๗๓/๔๘๔ @๓ พราหมณ์ ตามหลักพุทธศาสนาในวรรคนี้หมายถึงพระขีณาสพทั้งหลาย แต่มีบ้างที่ตรัสหมายเอา @พราหมณ์โดยชาติกำเนิด เช่น ในธรรมบทข้อ ๓๙๒ หน้า ๑๕๖ (ขุ.ธ.อ. ๘/๑๐๒) @๔ กระแส หมายถึงตัณหา (ขุ.ธ.อ. ๘/๑๐๒) @๕ สภาวะที่ปัจจัยอะไรปรุงแต่งไม่ได้ หมายถึงนิพพาน (ขุ.ธ.อ. ๘/๑๐๒) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๑๕๒}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๑๔๖-๑๕๒. http://84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=25&siri=34 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]. อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1244&Z=1300 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=35 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=25&item=35&items=1 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=25&A=949 The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=25&item=35&items=1 The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=25&A=949 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu25 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/25i035-e1.php# https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/25i035-e2.php# https://accesstoinsight.org/tipitaka/kn/dhp/dhp.25.than.html https://accesstoinsight.org/tipitaka/kn/dhp/dhp.25.budd.html https://suttacentral.net/dhp360-382/en/anandajoti https://suttacentral.net/dhp360-382/en/buddharakkhita https://suttacentral.net/dhp360-382/en/sujato
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]