ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๘ ปริวาร
             [๘๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่ได้รับสมมติ สั่งสอนภิกษุณี ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ไม่ได้รับสมมติ สั่งสอนภิกษุณี.
             ถ. ในสิกขาบทนั้นมีบัญญัติ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ หรือ?
             ต. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ อนุปันนบัญญัติไม่มีในสิกขาบทนั้น.
             บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่
วาจา มิใช่กาย มิใช่จิต บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย ...
             [๘๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้สั่งสอนภิกษุณี เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระจูฬปันถก.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระจูฬปันถก สั่งสอนภิกษุณี เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือน
ปทโสธัมมสิกขาบท) ...
             [๘๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เข้าไปสู่ที่อาศัยแห่งภิกษุณีแล้ว สั่งสอนพวกภิกษุณี ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เข้าไปสู่ที่อาศัยแห่งภิกษุณีแล้วสั่งสอนพวกภิกษุณี.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๒ (เหมือนในกฐินสิกขาบท) ...
             [๘๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้กล่าวว่า พวกภิกษุกล่าวสอนพวกภิกษุณีเพราะเหตุอามิส ณ
ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์กล่าวว่า พวกภิกษุสั่งสอนพวกภิกษุณีเพราะเหตุอามิส.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
             [๘๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งได้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๖ ...
             [๘๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เย็บจีวรเพื่อภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีเย็บจีวร เพื่อภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๘๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชักชวนภิกษุณี แล้วเดินทางไกลร่วมกัน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ชักชวนพวกภิกษุณีเดินทางไกลร่วมกัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน
๔ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กาย กับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่
กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจาและจิต ...
             [๘๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ชักชวนภิกษุณีแล้ว โดยสารเรือลำเดียวกัน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ชักชวนพวกภิกษุณีแล้วโดยสารเรือลำเดียวกัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๔ ...
             [๙๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ฉันบิณฑบาตอันภิกษุณีแนะนำให้ถวาย ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระเทวทัต.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระเทวทัตรู้อยู่ ฉันบิณฑบาตอันภิกษุณีแนะนำให้ถวาย.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ-
*ฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
             [๙๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับภิกษุณีผู้เดียว ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับภิกษุณีผู้เดียว.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... ฯ
โอวาทวรรค ที่ ๓ จบ.
หัวข้อประจำวรรค
[๙๒] ไม่ได้รับสมมติสั่งสอน ๑ พระอาทิตย์อัสดง ๑ ที่อาศัย ๑ เหตุอามิส ๑ ให้ จีวร ๑ เย็บจีวร ๑ ชักชวนกันแล้วเดินทาง ๑ ชักชวนกันแล้วโดยสารเรือ ๑ ภัตที่ภิกษุณี แนะนำให้ถาย ๑ นั่งในที่ลับ ๑
คำถามและคำตอบในโภชนวรรคที่ ๔

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๑๐๐๔-๑๑๐๑ หน้าที่ ๓๙-๔๓. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=8&A=1004&Z=1101&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=82&items=11&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=82&items=11              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=8&item=82&items=11&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=8&item=82&items=11&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=82              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ https://84000.org/tipitaka/read/?index_8 https://84000.org/tipitaka/english/?index_8

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]