บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๕. ปาจิตติยกัณฑ์]
๕. อเจลกวรรค ๗. มหานามสิกขาบท นิทานวัตถุ
๕. อเจลกวรรค ๗. มหานามสิกขาบท ว่าด้วยพระเจ้ามหานามศากยะ เรื่องพระเจ้ามหานามศากยะ [๓๐๓] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ นิโครธาราม เขต กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ครั้งนั้น พระเจ้ามหานามศากยะมีเภสัชเหลือเฟือ ลำดับ นั้น พระเจ้ามหานามศากยะจึงได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้ว ได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระเจ้ามหานามศากยะผู้นั่ง ณ ที่สมควรแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า หม่อมฉันประสงค์จะปวารณา สงฆ์ด้วยเภสัชตลอด ๔ เดือน พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สาธุ สาธุ มหานามะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงปวารณา สงฆ์ด้วยเภสัชตลอด ๔ เดือนเถิด พวกภิกษุมีความยำเกรงอยู่จึงไม่รับปวารณา ภิกษุทั้งหลายได้นำเรื่องนี้ไป กราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถา เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุแล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ให้ยินดีการปวารณาด้วยปัจจัยตลอด ๔ เดือน [๓๐๔] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายออกปากขอเภสัชกะพระเจ้ามหานามศากยะ เพียงเล็กน้อย เภสัชของพระเจ้ามหานามศากยะก็ยังมีเหลือเฟืออยู่เหมือนเดิม แม้ครั้งที่ ๒ พระเจ้ามหานามศากยะก็ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้วได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระเจ้ามหานาม ศากยะผู้นั่ง ณ ที่สมควรแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า หม่อมฉันประสงค์ จะปวารณาสงฆ์ด้วยเภสัชต่อไปอีก ๔ เดือน พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สาธุ สาธุ มหานามะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงปวารณา สงฆ์ด้วยเภสัชต่อไปอีก ๔ เดือนเถิด {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒ หน้า : ๔๔๕}
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๕. ปาจิตติยกัณฑ์]
๕. อเจลกวรรค ๗. มหานามสิกขาบท นิทานวัตถุ
พวกภิกษุมีความยำเกรงอยู่จึงไม่รับปวารณา ภิกษุทั้งหลายนำเรื่องนี้ไปกราบ ทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถา เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ให้ยินดีการปวารณาต่อไปอีก [๓๐๕] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายออกปากขอเภสัชกะพระเจ้ามหานามศากยะ เพียงเล็กน้อย เภสัชของพระเจ้ามหานามศากยะก็ยังมีเหลือเฟืออยู่เหมือนเดิม แม้ครั้งที่ ๓ พระเจ้ามหานามศากยะก็ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้วได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระเจ้ามหานาม ศากยะผู้นั่ง ณ ที่สมควรแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า หม่อมฉันประสงค์ จะปวารณาสงฆ์ด้วยเภสัชตลอดชีวิต พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สาธุ สาธุ มหานามะ ถ้าเช่นนั้นเธอจงปวารณาสงฆ์ ด้วยเภสัชตลอดชีวิตเถิด พวกภิกษุมีความยำเกรงอยู่จึงไม่รับปวารณา ภิกษุทั้งหลายนำเรื่องนี้ไปกราบ ทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถา เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ให้ยินดีการปวารณาเป็นนิตย์ สมัยนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์นุ่งไม่เรียบร้อย ห่มไม่เรียบร้อย อากัปกิริยาไม่ เรียบร้อย พระเจ้ามหานามศากยะจึงว่ากล่าวว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย ทำไมพวก ท่านจึงนุ่งไม่เรียบร้อย ห่มไม่เรียบร้อย อากัปกิริยาไม่เรียบร้อยเล่า ธรรมเนียม บรรพชิตต้องนุ่งให้เรียบร้อย ห่มให้เรียบร้อย และมีอากัปกิริยาเรียบร้อย มิใช่หรือ พวกภิกษุฉัพพัคคีย์แค้นเคืองพระเจ้ามหานามศากยะ ทีนั้น พวกภิกษุ ฉัพพัคคีย์ได้ปรึกษากันว่า พวกเราจะทำให้พระเจ้ามหานามศากยะได้รับความ เก้อเขินด้วยวิธีไหน จึงปรึกษากันว่า ท่านทั้งหลาย พระเจ้ามหานามศากยะ ปวารณาสงฆ์ด้วยเภสัช พวกเราจะไปออกปากขอเนยใสกะพระเจ้ามหานามศากยะ ลำดับนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ได้เข้าไปหาพระเจ้ามหานามศากยะถึงพระตำหนัก ครั้นถึงแล้วได้กล่าวกับพระเจ้ามหานามศากยะดังนี้ว่า โยม พวกอาตมาต้องการ เนยใส ๑ ทะนาน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒ หน้า : ๔๔๖}
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๕. ปาจิตติยกัณฑ์]
๕. อเจลกวรรค ๗. มหานามสิกขาบท นิทานวัตถุ
พระเจ้ามหานามศากยะรับสั่งว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย วันนี้พระคุณเจ้าโปรด รอก่อน พวกคนงานกำลังไปที่คอกเพื่อจะนำเนยใสมา พวกเขาจะนำมาให้ทันเวลา แม้ในครั้งที่ ๒ ฯลฯ แม้ในครั้งที่ ๓ พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ก็ได้กล่าวกับพระเจ้ามหานามศากยะดังนี้ว่า โยม พวกอาตมาต้องการเนยใส ๑ ทะนาน พระเจ้ามหานามศากยะรับสั่งว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย วันนี้พระคุณเจ้าโปรด รอก่อน พวกคนงานกำลังไปที่คอกเพื่อจะนำเนยใสมา พวกเขาจะนำมาให้ทันเวลา พวกภิกษุฉัพพัคคีย์กล่าวว่า โยม ท่านไม่ต้องการถวายแล้วปวารณาจะมี ประโยชน์อะไร ปวารณาแล้วไม่ถวาย ครั้งนั้น พระเจ้ามหานามศากยะได้ตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า พระ คุณเจ้าทั้งหลาย ไฉนเมื่อข้าพเจ้าขอร้องว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย วันนี้พระคุณเจ้า โปรดรอก่อน จึงรอไม่ได้เล่า พวกภิกษุได้ยินพระเจ้ามหานามศากยะตำหนิ ประณาม โพนทะนา บรรดา ภิกษุผู้มักน้อย ฯลฯพากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า พระเจ้ามหานามศากยะ ขอร้องพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย วันนี้พระคุณเจ้าโปรดรอก่อน ไฉนจึงรอไม่ได้เล่า ครั้นภิกษุทั้งหลายตำหนิพวกภิกษุฉัพพัคคีย์โดยประการต่างๆ แล้วได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง สอบถามพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พระเจ้ามหานามะขอร้อง พวกเธอว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย วันนี้ พระคุณเจ้าโปรดรอก่อน แล้วรอไม่ได้ จริง หรือ พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ทรงตำหนิว่า ฯลฯ โมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอเมื่อพระเจ้ามหานามศากยะ ขอร้องว่า พระคุณเจ้าทั้งหลาย วันนี้พระคุณเจ้าโปรดรอก่อน ก็รอไม่ได้เล่า โมฆบุรุษ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒ หน้า : ๔๔๗}
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๕. ปาจิตติยกัณฑ์]
๕. อเจลกวรรค ๗. มหานามสิกขาบท สิกขาบทวิภังค์
ทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส หรือทำคนที่ เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ แล้วจึงรับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายยกสิกขาบท นี้ขึ้นแสดงดังนี้พระบัญญัติ [๓๐๖] ภิกษุไม่เป็นไข้ พึงยินดีการปวารณาด้วยปัจจัยเพียง ๔ เดือน เว้นไว้แต่ปวารณาอีก เว้นไว้แต่ปวารณาเป็นนิตย์ ถ้ายินดีเกินกว่ากำหนดนั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์เรื่องพระเจ้ามหานามศากยะ จบ สิกขาบทวิภังค์ [๓๐๗] คำว่า ภิกษุไม่เป็นไข้พึงยินดีการปวารณาด้วยปัจจัยเพียง ๔ เดือน ความว่า พึงยินดีการปวารณาเพียงคิลานปัจจัย แม้เขาปวารณาอีก พึงยินดีว่า เราจะออกปากขอในเวลาที่เราเจ็บไข้ แม้เขาปวารณาไว้เป็นนิตย์ พึงยินดีว่า เราจะออกปากขอในเวลาที่เราเจ็บไข้ คำว่า ถ้ายินดีเกินกว่ากำหนดนั้น ความว่า การปวารณากำหนดเภสัชไม่ กำหนดราตรีก็มี การปวารณากำหนดราตรีไม่กำหนดเภสัชก็มี การปวารณากำหนด ทั้งเภสัชทั้งราตรีก็มี การปวารณาไม่กำหนดเภสัชไม่กำหนดราตรีก็มี ที่ชื่อว่า กำหนดเภสัช คือ เขากำหนดเภสัชไว้ว่า ข้าพเจ้าปวารณาด้วยเภสัช เพียงเท่านี้ ที่ชื่อว่า กำหนดราตรี คือ เขากำหนดราตรีไว้ว่า ข้าพเจ้าปวารณาในราตรี เพียงเท่านี้ ที่ชื่อว่า กำหนดทั้งเภสัชกำหนดทั้งราตรี คือ เขากำหนดเภสัชและกำหนด ราตรีไว้ว่า ข้าพเจ้าปวารณาด้วยเภสัชเท่านี้ในราตรีเพียงเท่านี้ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒ หน้า : ๔๔๘}
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๕. ปาจิตติยกัณฑ์]
๕. อเจลกวรรค ๗. มหานามสิกขาบท บทภาชนีย์
ที่ชื่อว่า ไม่กำหนดเภสัชและไม่กำหนดราตรี คือ เขาไม่ได้กำหนดเภสัช และไม่ได้กำหนดราตรีไว้บทภาชนีย์ ปาจิตตีย์ [๓๐๘] ในการกำหนดเภสัช ภิกษุออกปากขอเภสัชอื่นนอกจากเภสัชที่เขา ปวารณาไว้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ในการกำหนดราตรี ภิกษุออกปากขอในราตรีอื่นนอกจากราตรีที่เขาปวารณา ไว้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ในการกำหนดทั้งเภสัชและกำหนดราตรี ภิกษุออกปากขอเภสัชอื่นนอก จากเภสัชที่เขาปวารณาไว้ในราตรีอื่นนอกจากราตรีที่เขาปวารณาไว้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ ในการไม่กำหนดเภสัชไม่กำหนดราตรี ไม่ต้องอาบัติ [๓๐๙] เมื่อไม่มีความจำเป็นด้วยเภสัช ภิกษุออกปากขอเภสัช ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ เมื่อมีความจำเป็นด้วยเภสัชอย่างหนึ่ง ภิกษุออกปากขอเภสัชอีกอย่างหนึ่ง ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เกินกว่ากำหนดนั้น ภิกษุสำคัญว่าเกินกว่ากำหนดนั้น ออกปากขอเภสัช ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เกินกว่ากำหนดนั้น ภิกษุไม่แน่ใจ ออกปากขอเภสัช ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เกินกว่ากำหนดนั้น ภิกษุสำคัญว่าไม่เกินกว่ากำหนดนั้น ออกปากขอเภสัช ต้องอาบัติปาจิตตีย์ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒ หน้า : ๔๔๙}
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [๕. ปาจิตติยกัณฑ์]
๕. อเจลกวรรค ๗. มหานามสิกขาบท อนาปัตติวาร
ทุกทุกกฏ ไม่เกินกว่ากำหนดนั้น ภิกษุสำคัญว่าเกินกว่ากำหนดนั้น ต้องอาบัติทุกกฏ ไม่เกินกว่ากำหนดนั้น ภิกษุไม่แน่ใจ ต้องอาบัติทุกกฏ ไม่เกินกว่ากำหนดนั้น ภิกษุสำคัญว่าไม่เกินกว่ากำหนดนั้น ไม่ต้องอาบัติอนาปัตติวาร ภิกษุต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ [๓๑๐] ๑. ภิกษุออกปากขอเภสัชตามที่เขาปวารณาไว้ ๒. ภิกษุออกปากขอเภสัชในราตรีตามที่เขาปวารณาไว้ ๓. ภิกษุออกปากขอเภสัชว่า ท่านปวารณาพวกอาตมาด้วยเภสัช เหล่านี้และพวกอาตมาก็ต้องการเภสัชนี้และนี้ ๔. ภิกษุออกปากขอเภสัชว่า ราตรีที่ท่านปวารณาผ่านไปแล้ว แต่ เรายังต้องการเภสัช ๕. ภิกษุออกปากขอเภสัชจากญาติ ๖. ภิกษุออกปากขอเภสัชจากคนปวารณา ๗. ภิกษุออกปากขอเภสัชเพื่อภิกษุอื่น ๘. ภิกษุออกปากขอเภสัชที่จ่ายมาด้วยทรัพย์ของตน ๙. ภิกษุวิกลจริต ๑๐. ภิกษุต้นบัญญัติมหานามสิกขาบทที่ ๗ จบ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒ หน้า : ๔๕๐}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒ หน้าที่ ๔๔๕-๔๕๐. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=2&siri=83 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]. อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=2&A=11622&Z=11726 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=2&i=555 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=2&item=555&items=7 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=2&A=9451 The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=2&item=555&items=7 The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=2&A=9451 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu2 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-bu-vb-pc47/en/brahmali
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]