ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๖ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๖ [ฉบับมหาจุฬาฯ] จุลวรรค ภาค ๑

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

ปาริวาสิกมูลายปฏิกัสสนา
ว่าด้วยการชักภิกษุผู้อยู่ปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม
[๑๑๐] ท่านพระอุทายีนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ บอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลาย กระผม ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน กระผมนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่กระผม กระผม นั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ กระผมจะปฏิบัติอย่างไร” ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น สงฆ์จงชักภิกษุอุทายี เข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้”
วิธีชักเข้าหาอาบัติเดิม และกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิมอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึงเข้า ไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน กระผมนั้นขอปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วัน เพื่อ อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่กระผม กระผมนั้นกำลังอยู่ ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้น จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ พึงขอแม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๕}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

พึงขอแม้ครั้งที่ ๓ ฯลฯ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า [๑๑๑] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ภิกษุอุทายีนั้นกำลัง อยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุ อุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ใน ระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ นี่เป็นญัตติ ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ภิกษุอุทายีนั้นกำลัง อยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุ อุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิใน ระหว่างไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์จึงชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการชักภิกษุ อุทายีเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่างไม่ได้ ปิดไว้ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุ อุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายีนั้น ขอปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๖}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

กับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิด ไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ภิกษุอุทายีนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติ เดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์จึงชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ใน ระหว่างไม่ได้ปิดไว้ ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิม เพื่อ อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง ภิกษุอุทายี สงฆ์ชักเข้าหาอาบัติเดิมแล้ว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือ ความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”
มานัตตารหมูลายปฏิกัสสนา
ว่าด้วยการชักภิกษุผู้ควรแก่มานัตเข้าหาอาบัติเดิม
[๑๑๒] ท่านพระอุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้วเป็นผู้ควรแก่มานัตต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ บอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ท่าน ทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน กระผม นั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน แก่กระผม กระผมนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นจึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักกระผมนั้นเข้าหา อาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผม นั้นอยู่ปริวาสแล้วเป็นผู้ควรแก่มานัต ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมจะปฏิบัติอย่างไร” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๗}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงชักภิกษุอุทายี เข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้”
วิธีชักเข้าหาอาบัติเดิม และกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิมอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึงเข้าไป หาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย นั่ง กระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน กระผมนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่กระผม กระผมนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นจึง ขอการชักเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักกระผมนั้นเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิในระหว่างไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้ว เป็นผู้ควรแก่มานัต ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นขอการ ชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ ปิดไว้กับสงฆ์” พึงขอแม้ครั้งที่ ๒ ฯลฯ พึงขอแม้ครั้งที่ ๓ ฯลฯ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า [๑๑๓] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ภิกษุ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๘}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

อุทายีนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักภิกษุอุทายีเข้าหา อาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุ อุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้วเป็นผู้ควรแก่มานัต ต้องอาบัติ ๑ ตัวในระหว่างชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิมเพื่อ อาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ ถ้าสงฆ์ พร้อมกันแล้วพึงชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ นี่เป็นญัตติ ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกา- สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วัน ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาส ๕ วันเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อ สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส ๕ วัน เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ ๕ วันแก่ภิกษุอุทายีแล้ว ภิกษุอุทายีนั้น กำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้ว เป็นผู้ควรแก่มานัต ต้องอาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัว ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการชักภิกษุ อุทายีเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ ปิดไว้ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง แม้ครั้งที่ ๒ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓ ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๖ หน้า : ๒๐๙}

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [๓. สมุจจยขันธกะ]

๑. สุกกวิสัฏฐิ

ภิกษุอุทายี สงฆ์ชักเข้าหาอาบัติเดิมแล้ว เพื่ออาบัติ ๑ ตัวชื่อสัญเจตนิกกา- สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอ ถือเอาความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๖ หน้าที่ ๒๐๕-๒๑๐. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=6&siri=24              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=6&A=4839&Z=4976                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=6&i=395              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=6&item=395&items=6              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=6&item=395&items=6                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๖ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu6              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-kd13/en/brahmali#pli-tv-kd13:7.1.0 https://suttacentral.net/pli-tv-kd13/en/horner-brahmali#BD.5.60



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :