บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
๑๒. จูฬวิยูหสูตร๑- ว่าด้วยการวิวาทกันเพราะทิฏฐิสูตรเล็ก (พระพุทธเนรมิตทูลถามดังนี้) [๘๘๕] สมณพราหมณ์เจ้าลัทธิบางพวก ยึดถืออยู่เฉพาะทิฏฐิของตนๆ ถือแล้วก็อ้างตัวว่า เป็นคนฉลาด พูดกันไปต่างๆ ว่า บุคคลใดรู้อย่างนี้ บุคคลนั้นชื่อว่า รู้ธรรมแล้ว บุคคลใดคัดค้านธรรมนี้ บุคคลนั้นชื่อว่า ยังไม่สำเร็จกิจ [๘๘๖] สมณพราหมณ์เหล่านั้นถืออย่างนี้ แล้วก็พากันวิวาท และกล่าวว่า คนอื่นเป็นคนพาล ไม่ฉลาด วาทะของสมณพราหมณ์เหล่านี้ วาทะไหนเป็นเรื่องจริงกันหนอ เพราะสมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมด ต่างก็อ้างตัวว่า เป็นคนฉลาด (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้) [๘๘๗] คนพาลไม่ยอมรับธรรมของผู้อื่นเลย เป็นคนต่ำทราม มีปัญญาทราม @เชิงอรรถ : @๑ ขุ.ม. (แปล) ๒๙/๑๑๓-๑๒๙/๓๓๘-๓๖๑ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๗๑๓}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๔. อัฏฐกวรรค]
๑๒. จูฬวิยูหสูตร
สมณพราหมณ์ทั้งหมดนั้นแหละเป็นคนพาล มีปัญญาทราม สมณพราหมณ์เหล่านี้ทั้งหมดนั้นแหละยึดถือทิฏฐิอยู่ [๘๘๘] ถ้าพวกสมณพราหมณ์ไม่ผ่องแผ้วเพราะทิฏฐิของตน๑- เป็นผู้มีปัญญาหมดจดดี ฉลาด มีความรู้แล้วไซร้ บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านั้น ก็ไม่มีใครเสื่อมปัญญา เพราะทิฏฐิของสมณพราหมณ์แม้เหล่านั้น ถือกันมาอย่างนั้น [๘๘๙] คน ๒ จำพวกกล่าวทิฏฐิใดต่อกันว่า เป็นคนพาล เราไม่กล่าวทิฏฐินั้นว่า จริง สมณพราหมณ์พากันประกาศทิฏฐิของตนๆ ว่า จริง เพราะฉะนั้น จึงพากันใส่ไฟผู้อื่นว่า เป็นคนพาล (พระพุทธเนรมิตทูลถามดังนี้) [๘๙๐] สมณพราหมณ์บางพวกกล่าวธรรมใดว่าจริง ว่าแท้ สมณพราหมณ์พวกอื่นก็พากันกล่าวธรรมนั้นว่าเปล่า ว่าเท็จ สมณพราหมณ์เหล่านั้นต่างพากันถือมั่นแม้อย่างนี้แล้ววิวาทกัน เพราะเหตุไร สมณพราหมณ์จึงไม่พูดอย่างเดียวกัน (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้) [๘๙๑] หมู่ชนรู้ชัดสัจจะใดไม่พึงวิวาทกัน สัจจะนั้นมีอย่างเดียว๒- เท่านั้น ไม่มีอย่างที่ ๒ สมณพราหมณ์เหล่านั้น พากันอวดสัจจะต่างๆ กันไปเอง เพราะฉะนั้น สมณพราหมณ์จึงไม่พูดอย่างเดียวกัน @เชิงอรรถ : @๑ ข้อความนี้แปลตามบาลีที่ปรากฏว่า สนฺทิฏฺฐิยา เจว น วีวทาตา อีกนัยหนึ่งมีบาลีปรากฏว่า สนฺทิฏฺฐิยา @เจ ปน วีวทาตา ดังนี้ก็มี แปลว่า ก็ถ้าพวกสมณพราหมณ์เป็นผู้ผ่องแผ้ว เพราะทิฏฐิของตน @(ขุ.สุ.อ. ๒/๘๘๗-๘๘๘/๓๙๖) @๒ สัจจะมีอย่างเดียว หมายถึงนิโรธสัจจะ หรือมัคคสัจจะ (ขุ.สุ.อ. ๒/๘๙๑/๓๙๗) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๗๑๔}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๔. อัฏฐกวรรค]
๑๒. จูฬวิยูหสูตร
(พระพุทธเนรมิตทูลถามดังนี้) [๘๙๒] เพราะเหตุไรหนอ สมณพราหมณ์จึงพูดสัจจะไปต่างๆ อ้างตนว่า เป็นคนฉลาดพูดพร่ำกันไป สัจจะที่สมณพราหมณ์เหล่านั้นเล่าเรียนมา มีหลายอย่างต่างๆ กันหรือ หรือว่าสมณพราหมณ์เหล่านั้นพากันนึกตรึกเอาเอง (พระผู้มีพระภาคตรัสตอบดังนี้) [๘๙๓] มิได้มีสัจจะหลายอย่างต่างๆ กันเลย เว้นแต่สัจจะที่แน่นอนด้วยสัญญาในโลก แต่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย พากันกำหนดความตรึกในทิฏฐิทั้งหลายไปเอง แล้วกล่าวธรรมเป็น ๒ อย่างว่า คำของเราจริง คำของท่านเท็จ [๘๙๔] เจ้าลัทธิอาศัยธรรมเหล่านี้ คือ รูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน ศีล วัตร และอารมณ์ที่รับรู้ แล้วแสดงอาการดูหมิ่น และดำรงอยู่ในทิฏฐิที่ตกลงใจ แล้วก็ร่าเริงกล่าวว่า คนอื่นเป็นคนพาล ไม่ฉลาด [๘๙๕] เจ้าลัทธิใส่ไฟบุคคลอื่นว่า เป็นคนพาล เพราะเหตุใด ก็กล่าวถึงตนเองว่า เป็นคนฉลาด เพราะเหตุนั้น เจ้าลัทธินั้นอวดอ้างตนเองว่า เป็นคนฉลาด ย่อมดูหมิ่นบุคคลอื่นและกล่าวเช่นนั้นเหมือนกัน [๘๙๖] เจ้าลัทธินั้นเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยอติสารทิฏฐิ๑- เมาด้วยความถือตัว มีความถือตัวจัด อภิเษกตนเองด้วยใจ เพราะทิฏฐินั้นเจ้าลัทธิถือกันมาอย่างนั้น @เชิงอรรถ : @๑ อติสารทิฏฐิ ในที่นี้หมายถึงทิฏฐิ ๖๒ และทิฏฐิ ๖๒ นี้เอง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทิฏฐิที่ตกลงใจ @(ขุ.ม. (แปล) ๒๙/๑๒๔/๓๕๔) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๗๑๕}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [๔. อัฏฐกวรรค]
๑๒. จูฬวิยูหสูตร
[๘๙๗] อนึ่ง หากบุคคลเป็นผู้เลวทรามเพราะวาจาของผู้อื่นไซร้ เขาก็เป็นผู้มีปัญญาทรามพร้อมกับผู้นั้น และถ้าผู้เรียนจบพระเวทเอง๑- เป็นนักปราชญ์ได้ไซร้ บรรดาสมณะ ก็ไม่มีใครเป็นคนพาล [๘๙๘] ชนเหล่าใดกล่าวสรรเสริญธรรมอื่นนอกจากธรรมนี้ ชนเหล่านั้นเป็นผู้พลาดทางแห่งความหมดจด เป็นผู้ไม่บริบูรณ์ เดียรถีย์พากันกล่าวทิฏฐิมากแม้อย่างนี้ เพราะพวกเขาเป็นผู้ยินดียิ่งด้วยความยินดีในทิฏฐิของตน [๘๙๙] พวกเดียรถีย์พากันกล่าวความหมดจดว่ามีอยู่ในธรรมนี้เท่านั้น ไม่กล่าวความหมดจดในธรรมเหล่าอื่น พวกเดียรถีย์ตั้งอยู่ในทิฏฐิมากแม้อย่างนี้ ต่างกล่าวยืนยันในธรรมอันเป็นแนวทางของตนนั้น [๙๐๐] อนึ่ง เจ้าลัทธิกล่าวยืนยันในแนวทางของตน ใส่ไฟใครอื่นว่า เป็นคนพาล เพราะทิฏฐินี้ เจ้าลัทธินั้น กล่าวถึงผู้อื่นว่า เป็นคนพาล มีความไม่หมดจดเป็นธรรมดา พึงนำความมุ่งร้ายมาเองทีเดียว [๙๐๑] เจ้าลัทธินั้นตั้งอยู่ในทิฏฐิที่ตกลงใจและนับถือเองแล้ว ก็ถึงการวิวาทในกาลข้างหน้าในโลก คนที่เกิดมาละทิฏฐิที่ตกลงใจทั้งมวลได้ ย่อมไม่ก่อการมุ่งร้ายในโลกจูฬวิยูหสูตรที่ ๑๒ จบ @เชิงอรรถ : @๑ จบพระเวท หมายถึงจบไตรเพท อันเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนาพราหมณ์ มี ๓ คือ (๑) ฤคเวท @หรืออิรุเวท ประมวลบทสวดสรรเสริญเทพเจ้า (๒) ยชุรเวท บทสวดอ้อนวอนในพิธีบูชายัญต่างๆ @(๓) สามเวท ประมวลบทเพลงขับสำหรับสวดหรือร้องเป็นทำนองในพิธีบูชายัญ ต่อมาเพิ่ม (๔) อถรรพเวท @หรืออาถรรพณเวท ว่าด้วยคาถาอาคมทางไสยศาสตร์ (องฺ.ติก.อ. ๒/๕๙/๑๖๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๗๑๖}
เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๗๑๓-๗๑๖. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=25&siri=277 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]. อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=25&A=10418&Z=10493 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=419 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=25&item=419&items=1 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=29&A=8894 The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=25&item=419&items=1 The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=29&A=8894 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu25 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/25i408-e.php#sutta12 https://accesstoinsight.org/tipitaka/kn/snp/snp.4.12.than.html https://suttacentral.net/snp4.12/en/mills https://suttacentral.net/snp4.12/en/sujato
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]