ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] กถาวัตถุปกรณ์

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

๒. อันตราภวกถา (๗๔)
ว่าด้วยอันตรภพ
[๕๐๕] สก. อันตรภพ๑- (ภพที่อยู่ในระหว่างตายกับเกิด)มีอยู่ใช่ไหม ปร.๒- ใช่๓- สก. เป็นกามภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. เป็นรูปภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. เป็นอรูปภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพมีอยู่ในระหว่างกามภพกับรูปภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ @เชิงอรรถ : @ ดูเชิงอรรถที่ ๒ ข้อ ๙๑ หน้า ๕๑ ในเล่มนี้ @ ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายปุพพเสลิยะและนิกายสมิติยะ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๐๕/๒๓๓) @ เพราะมีความเห็นว่า สัตว์หลังจากตายไป วิญญาณจะล่องลอยไปหาที่เกิดใหม่(ช่วงนี้เองที่เรียกว่า อันตรภพ) @ซึ่งต่างกับความเห็นของสกวาทีที่เห็นว่า สัตว์หลังจากตายไป วิญญาณก็ปฏิสนธิทันที @(อภิ.ปญฺจ.อ. ๕๐๕/๒๓๓) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๓๗}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

สก. อันตรภพมีอยู่ในระหว่างรูปภพกับอรูปภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพไม่มีในระหว่างกามภพกับรูปภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. หากอันตรภพไม่มีในระหว่างกามภพกับรูปภพ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” สก. อันตรภพไม่มีในระหว่างรูปภพกับอรูปภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. หากอันตรภพไม่มีในระหว่างรูปภพกับอรูปภพ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” [๕๐๖] สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพนั้นจัดเป็นกำเนิดที่ ๕ เป็นคติที่ ๖ เป็นวิญญาณฐิติที่ ๘ เป็นสัตตาวาสที่ ๑๐ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพจัดเป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. กรรมที่ให้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๓๘}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

สก. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพมีสัตว์เกิด แก่ ตาย จุติ ปฏิสนธิใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อันตรภพเป็นภพที่มีขันธ์ ๕ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๕๐๗] สก. กามภพมีอยู่ กามภพเป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพมีอยู่ อันตรภพเป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. กรรมที่ให้เข้าถึงกามภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. กรรมที่ให้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สัตว์ผู้เข้าถึงกามภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. ในกามภพ มีสัตว์เกิด แก่ ตาย จุติ ปฏิสนธิใช่ไหม ปร. ใช่ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๓๙}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

สก. อันตรภพมีสัตว์เกิด แก่ ตาย จุติ ปฏิสนธิใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. ในกามภพ มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. กามภพเป็นภพที่มีขันธ์ ๕ ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพเป็นภพที่มีขันธ์ ๕ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. รูปภพมีอยู่ รูปภพเป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร เป็น กำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพมีอยู่ อันตรภพเป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. กรรมที่ให้เข้าถึงรูปภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. กรรมที่ให้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สัตว์ผู้เข้าถึงรูปภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๔๐}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

สก. ในรูปภพ มีสัตว์เกิด แก่ ตาย จุติ ปฏิสนธิใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพมีสัตว์เกิด แก่ ตาย จุติ ปฏิสนธิใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. ในรูปภพ มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณใช่ไหม ปร. ใช่ สก. ในอันตรภพ มีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. รูปภพเป็นภพที่มีขันธ์ ๕ ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพเป็นภพที่มีขันธ์ ๕ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อรูปภพมีอยู่ อรูปภพเป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพมีอยู่ อันตรภพเป็นภพ เป็นคติ เป็นสัตตาวาส เป็นสงสาร เป็นกำเนิด เป็นวิญญาณฐิติ เป็นการได้อัตภาพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. กรรมที่ให้เข้าถึงอรูปภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. กรรมที่ให้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สัตว์ผู้เข้าถึงอรูปภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๔๑}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

สก. สัตว์ผู้เข้าถึงอันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. ในอรูปภพ มีสัตว์เกิด แก่ ตาย จุติ ปฏิสนธิใช่ไหม ปร. ใช่ สก. ในอันตรภพ มีสัตว์เกิด แก่ ตาย จุติ ปฏิสนธิใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. ในอรูปภพ มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณใช่ไหม ปร. ใช่ สก. ในอันตรภพ มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อรูปภพเป็นภพที่มีขันธ์ ๔ ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อันตรภพเป็นภพที่มีขันธ์ ๔ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๕๐๘] สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. สัตว์ทั้งปวงนั่นแหละมีอันตรภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สัตว์ทั้งปวงนั่นแหละไม่มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. หากสัตว์ทั้งปวงนั่นแหละไม่มีอันตรภพ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๔๒}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

สก. อันตรภพมีอยู่ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. บุคคลผู้ทำอนันตริยกรรมมีอันตรภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. บุคคลผู้ทำอนันตริยกรรมไม่มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. หากบุคคลผู้ทำอนันตริยกรรมไม่มีอันตรภพ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” สก. บุคคลผู้ไม่ทำอนันตริยกรรมมีอันตรภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. บุคคลผู้ทำอนันตริยกรรมมีอันตรภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. บุคคลผู้ทำอนันตริยกรรมไม่มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. บุคคลผู้ไม่ทำอนันตริยกรรมไม่มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. บุคคลผู้เข้าถึงนรก ฯลฯ ผู้เข้าถึงอสัญญสัตว์ ฯลฯ ผู้เข้าถึงอรูปภพ มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. บุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพไม่มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. หากบุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพไม่มีอันตรภพ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๔๓}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๒. อันตราภวกถา (๗๔)

สก. บุคคลผู้ไม่เข้าถึงอรูปภพมีอันตรภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. บุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพมีอันตรภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. บุคคลผู้เข้าถึงอรูปภพไม่มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ใช่ สก. บุคคลผู้ไม่เข้าถึงอรูปภพไม่มีอันตรภพใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๕๐๙] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” ใช่ไหม สก. ใช่ ปร. อันตราปรินิพพายีบุคคลมีอยู่มิใช่หรือ สก. ใช่ ปร. หากอันตราปรินิพพายีบุคคลมีอยู่ ท่านจึงควรยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” สก. เพราะท่านเข้าใจว่า “อันตราปรินิพพายีบุคคลมีอยู่” จึงยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. เพราะท่านเข้าใจว่า “อุปหัจจปรินิพพายีบุคคลมีอยู่” จึงยอมรับว่า “อุปหัจจภพมีอยู่” ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. เพราะท่านเข้าใจว่า “อันตราปรินิพพายีบุคคลมีอยู่” จึงยอมรับว่า “อันตรภพมีอยู่” ใช่ไหม ปร. ใช่ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๗ หน้า : ๕๔๔}

พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๘. อัฏฐมวรรค]

๓. กามคุณกถา (๗๕)

สก. เพราะท่านเข้าใจว่า “อสังขารปรินิพพายีบุคคลมีอยู่ ฯลฯ สสังขาร- ปรินิพพายีบุคคลมีอยู่” จึงยอมรับว่า “สสังขารภพมีอยู่” ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
อันตราภวกถา จบ


                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๓๗ หน้าที่ ๕๓๗-๕๔๕. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=37&siri=94              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].                   อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=37&A=11751&Z=11944                   ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=37&i=1198              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=37&item=1198&items=12              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=55&A=5241              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=37&item=1198&items=12              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=55&A=5241                   สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๗ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu37              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/kv8.2/en/aung-rhysdavids



บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :