ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก  หนังสือธรรมะ
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
มิลินทปัญหา
นิพพานปัญหา ที่ ๕
             สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา อุปทสฺเสตุ ํ ถ้าพระผู้เป็นเจ้าอาจแสดงให้โลกทั้งปวงเห็นแจ้งซึ่งพระนิพพาน รูเปน วา โดยรูปก็ดี สณฺฐาเนน วา โดยสัณฐานก็ดี อวยเวน วา โดยอวัยวะใหญ่ก็ดี ปมาเณน วา โดยประมาณก็ดี อุปเมน วา โดยอุปมาก็ดี การเณน วา โดยเหตุก็ดี เหตุนา วา โดยปัจจัยก็ดี นเยน วา โดยนัยก็ดี จงเปรียบจงอุปมาซึ่งพระนิพพานให้เห็นแจ้งในกาลบัดนี้              พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร นิพฺพานํ น สกฺกา อาตมามิอาจจะแสดงพระนิพพานให้เห็น โดยรูปสัณฐานอวัยวะและประมาณ และอุปมาเหตุปัจจัยและนัยได้ เหตุว่าพระนิพพานไม่มีตัวไม่มีเหตุปัจจัย              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี จึงมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชาโยมยังไม่รับวาจาของผู้เป็นเจ้า ที่พระผู้เป็นเจ้าว่า พระนิพพานไม่มีเนื้อไม่มีตัว ไม่มีเหตุปัจจัยนั้นเป็นเหตุประการใด นิมนต์วิสัชนาให้แจ้งก่อน              พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า ถ้ากระนั้นมหาบพิตรจงรู้โดยเหตุอันนี้ มหาราช ดูรานะ บพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ คำโลกเรียกว่ามหาสมุทรนั้น มหาสมุทรมีจริงหรือพระ ราชสมภาร              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา มหาสมุทรมีจริง พระนาคเสนจึงมีวาจาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร สเจ ถ้าแลเขาจะถามว่า มหาสมุทรนั้นกว้างขวางโตใหญ่ยาวรีเท่าไร อุทกังและปลามากน้อยเท่าไรให้ว่ามา เอวํ ปุฏฺโฐ เมื่อเขาถามดังนี้ มหาบพิตรจะแก้ไขได้หรือไม่ได้              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา เมื่อเขาถามดังนั้น โยมก็จะห้ามว่า อมฺโภ ปุริส ดูรานะบุรุษผู้เจริญ ท่านอย่าได้ถาม ปัญหานี้เป็นฐปนียปัญหาไม่ควรถาม คือใครจะประมาณพระมหาสมุทรได้ ใครจะประมาณน้ำในมหาสมุทรและปลาในมหาสมุทรไว้ว่าเท่านั้นเท่านี้              พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร มหา สมุทรนี้มีในธรรม สมเด็จพระสัพพัญญูบรมครูเจ้า ตรัสพระสัทธรรมเทศนาไว้ ไฉนมหาบพิตร จึงไม่แก้ปัญหาซึ่งเขาถามนั้นเล่า ควรที่พระองค์จะแก้ไขโดยแท้              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า โยมมิอาจจะแก้ปัญหาชี้ว่า มหาสมุทรกว้างใหญ่ และอุทกังในมหาสมุทรและปลาใหญ่น้อยว่า ร้อยหรือพันหรือแสนได้ ปัญหานี้สุดวิสัยที่โยมจะวิสัชนา              พระนาคเสนมีเถรวาจาว่า ความนี้ฉันใด มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราช- สมภาร พระนิพพานนี้มีในพระสัทธรรมเทศนา สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าโปรดไว้ก็จริง แต่อาตมา มิอาจวิสัชนาว่าได้โดยรูปสัณฐาน ประมาณว่าน้อยใหญ่และอุปมาเปรียบเทียบ ว่าเหตุว่าปัจจัยได้ ก็สุดวิสัยที่จะแก้ไข มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ถึงว่าท่านผู้มีฤทธิ์ ฌานวสี ชำนาญฌานก็ดี มีสติปัญญาอาจสามารถจะประมาณอุทกังและปลาในมหาสมุทรได้ ท่านผู้นั้นก็อาจสำแดงพระนิพพาน ว่าพระนิพพานมีรูปทรงสัณฐานเท่านั้นเท่านี้ได้ อนึ่งเล่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร พระองค์ทรงทราบพระญาณอยู่บ้างหรือว่า เทวดาผู้หนึ่ง ชื่อว่าอรูปกายิกาเทวดา              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสน โยมได้ยินอยู่              พระนาคเสนมีเถรวาจาว่า ถ้าฉะนั้น มหาบพิตรจงว่าให้เห็นโดยรูป โดยสัณฐาน โดย ประมาณ โดยอุปมา และว่าโดยเหตุโดยปัจจัยจะได้หรือไม่ได้เล่า บพิตร              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา เทวดานั้นไม่มีตัว โยมจะเอาอะไรมาว่าได้ พระนาคเสนมีเถราวาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร มหาบพิตร ชี้ตัวอรูปกายิกาเทวดาไม่ได้ กระนั้น อรูปกายิกาเทวดานั้นหามีไม่ นั้นซิพระราชสมภาร              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา อรูปกายิกาเทวดานั้นมีอยู่ แต่ทว่าไม่มีเนื้อไม่มีตัว โยมจึงมิอาจว่าได้โดย รูปสัณฐานประมาณเหตุปัจจัย              พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า ฉันใดก็ดี มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร พระนิพพานนี้ ก็ไม่มีเนื้อไม่มีตัวเหมือนกันกับอรูปายิกาเทวดา สุดที่จะวิสัชนาได้ แต่พระ นิพพานมีอยู่จริง นะบพิตรพระราชสมภาร              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา ผู้เป็นเจ้าสำแดงรูปและสัณฐานประมาณและอุปมาเหตุปัจจัยแห่งพระ นิพพานไม่ได้แล้ว นิมนต์วิสัชนาแต่คุณพระนิพพานโดยเอกเทศให้โยมฟังหน่อยเถิด บัดนี้ดวง หฤทัยโยมนี้ร้อนไป ดุจกองเพลิงอันใหญ่ ลมพายุพัดไหม้ไปฉันใดก็ดี ดวงหฤทัยโยมนี้ร้อนนักหนา ด้วยปรารถนาจะสวนาการฟังซึ่งคุณแห่งพระนิพพาน ก็หาได้ฟังไม่ โยมจึงมีหฤทัยร้อนนักหนา ในกาลบัดนี้              พระนาคเสนมีเถรวาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อันว่าคุณ แห่งปทุกชาติประการ ๑ ก็เปรียบเข้ากับคุณแห่งพระนิพพาน อันว่าคุณแห่งอุทกวารีมี ๒ ประการ ก็เปรียบเข้ากับคุณแห่งพระนิพพาน อคฺคทสฺส ตโย คุณา อันว่าคุณแห่งยาดับพิษงูมี ๓ ประการ แล้วคุณแห่งมหาสมุทรมี ๔ ประการ คุณแห่งโภชนะมี ๕ ประการ คุณแห่งอากาศมี ๑๐ ประการ คุณแห่งแก้วมณีมี ๓ ประการ คุณแห่งจันทน์แดงมี ๒ ประการ คุณแห่งสัปปิข้นมี ๓ ประการ คุณแห่งยอดเขามี ๕ ประการ อิเม คุณา อันว่าคุณทั้งปวงนี้ควรจะเปรียบเข้าในคุณแห่งพระ นิพพานทั้งสิ้นทั้งนั้น              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณแห่งปทุมชาติอันหนึ่งนั้นประการใด จึงเปรียบเทียบกับ คุณพระนิพพานได้              พระนาคเสนจึงแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อันว่าคุณ แห่งปทุมชาตินั้น อุทกังจะได้แทรกซึมติดเข้าหามิได้ฉันใดก็ดี พระนิพพานจะได้มีกิเลส ข้องซาบซึมอยู่หามิได้ดุจดอกปทุมชาตินั้น สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าอุทกังมีคุณ ๒ ประการนั้นอย่างไร              พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อันว่า อุทกังนั้นเย็นจะดับเสียซึ่งความร้อนกระวนกระวายนั้นฉันใด พระนิพพานนั้นก็ดับเสียซึ่งกิเลส เหมือนอุทกังนั้น ประการหนึ่ง อุทกังนั้น สีตลํ เย็นเป็นที่ล้างเสียซึ่งมลทิน ห้ามเสียซึ่งความ กระหายน้ำฉันใดก็ดี พระนิพพานล้างเสียซึ่งมลทินคือกิเลส ห้ามเสียซึ่งความปรารถนาที่จะอยู่ ในภพทั้ง ๓ คือกามภพ รูปภพ อรูปภพ ดุจอุทกังอันล้างซึ่งมลทิน ห้ามเสียซึ่งความอยากน้ำ ฉันนั้น              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณแห่งยาดับพิษงู ๓ ประการนั้นอย่างไร              พระนาคเสนจึงแก้ไขว่า คุณแห่งยาดับพิษงู ๓ ประการนั้น คือเมื่ออสรพิษขบคนเข้า จึงเอายาดับพิษกินเข้าไปให้หายพิษ เป็นที่พึ่งได้ประการหนึ่ง ฉันใดก็ดี พระนิพพานนี้เป็นที่พึ่ง แก่สัตว์ทั้งหลาย อันกิเลสเบียดเบียน ก็ดับให้กิเลสสูญหายเหมือนยาดับพิษงูนั้น จัดเป็นคุณ ยางูเป็นปฐม ปุน จ ปรํ อีกประการหนึ่งเล่า อันว่ายาดับพิษงูนั้น กระทำให้สัตว์ทั้งหลายอันงู ขบกัดให้หายคลายโรคสิ้นสุดฉันใด พระนิพพานก็กระทำให้สิ้นสุดทุกข์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ดุจ ยางูดับพิษให้สิ้นสุดนั้น จัดเป็นคุณแห่งยางูประการที่ ๒ ปุน จ ปรํ อีกประการหนึ่งเล่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อคฺคกํ อันว่ายาดับพิษงูนั้นรักษาซึ่งสัตว์ ทั้งหลาย อันงูร้ายขบไว้ไม่ให้ตายด้วยพิษงูได้ ยถา มีครุวนาฉันใด เอวํ นิพฺพาน อมตํ พระ นิพพานนั้น อันงูร้ายขบไว้ไม่ให้ตายด้วยพิษงูได้ ยถา มีครุวนาฉันใด เอวํ นิพฺพานํ อมตํ พระ นิพพานนั้น ก็รักษาซึ่งบุคคลอันได้พระนิพพานไว้มิให้ตาย ดุจยางูนั้น สิริเป็นคุณยางู ๓ ประการ ยุติเท่านี้ ขอถวายพระพร              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณแห่งมหาสมุทรมี ๔ ประการนั้นประการใด              พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อันว่าคุณ แห่งมหาสมุทรเป็นปฐมนั้นคือมหาสมุทรบริสุทธิ์จะได้ซากศพล่องลอยอยู่หามิได้ ยถา มีครุ วนาฉันใดพระนิพพานก็บริสุทธิ์ผ่องใสไม่มีกิเลศติดอยู่เหมือนมหาสมุทรอันบริสุทธิ์จากซากศพนั้น จัดเป็นคุณแห่งมหาสมุทรเป็นปฐม ปุน จ ปรํ อีกประกาหนึ่งเล่า มหาราช ขอถวายพระ พรบพิตรพระราชสมภาร มหาสมุทรนั้นใหญ่นักหนา ถึงมาตรว่าคงคาห้าห้วงจะไหลล่วงลงมา สักเท่าใดๆ ก็ไม่เต็ม มีฝั่งฟากโพ้นมิก็ได้เห็นปรากฏแก่นัยน์ตา ยถา มีครุวนาฉันใน อันว่าพระ นิพพานนี้ มหนฺตํ กว้างใหญ่ อโนปารํ จะได้มีฝั่งฟากโพ้นเห็ปรากฏาหามิได้ ถึงฝูงสัตว์จะไป อยู่ในพระนิพพานศิวาลัยสักเท่าใด น ปูเรติ ก็มิได้รู้เต็มดุจมหาสมุทรอันใหญ่นั้น อยํ คุโณ อันว่าคุณแห่งมหาสมุทรนี้ ทุติโย เป็นคำรบ ๒ ปุน จ ปรํ อีกประการหนึ่งเล่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อยํ มหาสมุทฺโท อันว่ามหาสมุทรอันใหญ่นี้ อาวาโส เป็น ที่อยู่ มหนฺตานํ แห่งสัตว์ทั้งหลายเป็นอันมาก ยถา มีครุวนาฉันใด นิพฺพานํ อันว่าพระนิพพาน อาวาโส เป็นที่อยู่สุขสำราญ ขีณาสวานํ แห่งพระขีณาสพเจ้าทั้งหลายอันมีวสี เอวํ เมาะ ตถา มีอุปไมยเหมือนดังนั้น อยํ คุโณ อันว่าคุณแห่งมหาสมุทรนี้ ตติโย เป็นคำรบ ๓ ปุน จ ปรํ อีกประการหนึ่งเล่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร มหาสมุทฺโท อันว่ามหา สมุทรอันใหญ่ ย่อมจานเจือไปด้วยชาติบุปผาลดาดอกไม้ มีกลิ่นหอมบริสุทธิ์มีประกอบเป็น เอนกนานา ยถา มีครุวนาฉันใด นิพฺพานํ อันว่าพระนิพพาน ก็เจือไปด้วยดอกไม้มีเสาวคนธ- ชาติอันหอมบริสุทธิ์ กล่าวคือพระวิมุตติธรรมอันไพบูลย์บริสุทธิ์มีประการต่างๆ ทรงพระบวร- คุณจะนับมิได้ เอวํ เมาะ ตถา มีอุปไมยดุจพระมหาสมุทร อันเจือไปด้วยสุมาลัยอันบริสุทธิ์นั้น อยํ คุโณ อันว่าคุณแห่งพระมหาสมุทรนี้ จตุตฺโถ เป็นคำรบ ๔ เปรียบด้วยคุณแห่งพระนิพพาน              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่ พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณแห่งโภชนาหารมีอยู่ ๕ ประการนั้น ฉันใดเล่า              พระนาคเสนเจ้าจึงวิสัชนาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อันว่า คุณแห่งโภชนาหาร ๕ ประการนั้น อายุวฑฺฒนํ คือเลี้ยงไว้ซึ่งอายุสัตว์ให้วัฒนาการจำเริญไป ประการ ๑ พลวฑฺฒนํ คือให้จำเริญกำลังแรงแห่งสัตว์ทั้งหลายประการ ๑ วณฺณชนนํ คือให้เกิด สีสันพรรณาการ ๑ ทรถวูปสมนํ คือดับเสียซึ่งความกระวนกระวายประการ ๑ ชิฆจฺฉา ทุพฺพลปฏิวิโนทนํ คือบรรเทาเสียซึ่งความอยากข้าวประการ ๑ สิริเป็นคุณ ๕ ประการด้วยกัน ยถา มีครุวนาฉันใดก็ดี อันว่าพระนิพพานนี้ สัตว์จำพวกใดกระทำให้แจ้ง ก็ทรงสัตว์นั้นเลี้ยง สัตว์นั้นไว้มิให้ฉิบหายด้วยชราและมรณะ คือไม่ให้แก่ไม่ให้ตายนั้นประการ ๑ อิทฺธิพลวฑฺฒนํ จะให้จำเริญฤทธิพละประการ ๑ สีสวณฺณชนนํ เพื่อจะให้เกิดวรรณะ กล่าวคือศีลประการ ๑ สพฺพกิเลสทรถวูปสมนํ คือจะระงับดับเสียซึ่งกระวนกระวาย คือ กิเลสทั้งหลายประการ ๑ จะ วนาดุจโภชนาหารอันมีคุณ ๕ ประการนั้น              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณอากาศ ๑๐ ประการนั้น คือประการใดบ้าง พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อัน ว่าคุณอากาศ ๑๐ ประการนั้น น ชียติ คือไม่รู้แก่ประการ ๑ น มียติ คือไม่รู้ตายประการ ๑ น จวติ ไม่รู้จุติประการ ๑ น อุปฺปชฺชติ มิได้เวียนเกิดอีกประการ ๑ อุปฺปสยฺหํ หาผู้จะข่ม เหงมิได้ประการ ๑ อโจรคหณียํ หาโจรจะฉกลักช่วงชิงมิได้ประการ ๑ อนิสฺสิตํ ไม่มีที่อาศัย ประการ ๑ วิหงฺคคมนํ จะไปได้แต่นกและคนมีฤทธิ์ และเทวดาและยักษ์มีฤทธิ์ประการ ๑ นิราวรณํ หาสิ่งจะกั้นมิได้ประการ ๑ อนนฺตํ กว้างยาวหาที่สุดมิได้ประการ ๑ สิริเป็นคุณ ๑๐ นี้ ยถา ครุวนาฉันใด นิพฺพานํ อันว่าพระนิพพานนี้ ก็ประกอบด้วยคุณ ๑๐ ประการ น ชียติ คือไม่รู้ประการ ๑ น มีนติ ไม่รู้ตายประการ ๑ น จวติ ไม่รู้จุติประการ ๑ อุปฺปชฺชติ มิได้เวียนเกิดประการ ๑ อปฺปสยฺยํ หาผู้จะข่มเหงมิได้ประการ ๑ อโจรคหณียํ หา โจรจะปล้นชิงฉกลักมิได้ประการ ๑ อนิสฺสิตํ หากิเลสอาศัยมิได้ประการ ๑ อริยคมนํ เป็นที่ไป แห่งพระอริยเจ้าประการ ๑ นิราวรณํ หาสิ่งจะกั้นมิได้ประการ ๑ อนนฺตํ หาที่สุดมิได้ประการ ๑ เปรียบเหมือนอากาศฉะนั้น              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า แต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณแห่งมณีรัตนะ ๓ ประการนั้นดังฤาเล่า              พระนาคเสนวิสุทธิอรหันต์เจ้าวิสัชนาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราช- สมภาร มณีรตนํ อันว่าคุณแห่งแก้วมณี ๓ ประการนั้นหรือ คือแก้วมณีให้สำเร็จความปรารถนา ประการ ๑ คือกระทำให้ยินดีประการ ๑ คือกระทำให้ปลื้มใจสว่างใจประการ ๑ สิริเป็นคุณ ๓ ประการฉะนี้ ยถา มีครุวนาฉันใด อันว่าพระนิพพานนี้ ก็ให้สำเร็จความปรารถนาประการ ๑ กระทำให้ชื่นใจประการ ๑ อุโชติตุฏฺฐกรณํ กระทำให้ปลื้มใจรุ่งเรืองขึ้นประการ ๑ มีอุปไมย เหมือนดังแก้วมณีนั้น              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า แต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณจันทน์แดง ๓ ประการนั้นอย่างไรเล่า              พระนาคเสนเจ้าจึงแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร โลหิตจนฺทนํ ชื่อว่าจันทน์แดงมีคุณ ๓ ประการนั้นคือ ทุลฺลภํ หาได้เป็นอันยาก ประการ ๑ อสมํ สุคนํ มีกลิ่นหอมหาที่จะเปรียบมิได้ประการ ๑ สพฺพชนปสฏฺฐํ อันคนทั้งสิ้นหาก สรรเสริญประการ ๑ สิริเป็นคุณจันทร์แดง ๓ ประการเท่านี ยถา มีครุวนาฉันใด พระนิพพาน นี้ไซร้ ทุลฺลภตรํ กว่าจะได้นี้ยากนักประการ ๑ อสมํ สุคนฺธํ มีกลิ่นหอมหาที่จะเปรียบมิได้ ประการ ๑ อริยปสฏฺฐํ เป็นที่พระอริยเจ้าสรรเสริญประการ ๑ สิริเป็นคุณ ๓ ประการเหมือน หนึ่งจันทน์แดงนั้น ขอถวายพระพร สมเด็จพระเจ้ามิลินทภูมิทราธิบดีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า แต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณสัปปิข้น ๓ ประการนั้นอย่างไร คือประการใดบ้าง              พระนาคเสนแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อันว่าคุณ ๓ ประการแห่งสัปปิข้นนั้นหรือคือ สัปปิข้นมีสีอันงามประการ ๑ มีรสอันเลิศประการ ๑ ประกอบ ด้วยกลิ่นเสาวคนธ์อันหอมประการ ๑ สิริคุณสัปปิข้น ๓ ประการเท่านี้ ยถา มีครุวนาฉันใด พระนิพพานประกอบไปด้วยวรรณะ คือ อนันตคุณประการ ๑ ประกอบด้วยรสคืออมตะประการ ๑ ประกอบด้วยกลิ่นคือศีลประการ ๑ สิริเป็น ๓ เหมือนคุณแห่งสัปปิข้นนั้น              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า แต่พระนาคเสนผู้ปรีชา อันว่าคุณแห่งยอดคีรีมี ๕ ประการนั้นฉันใด              พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร อัน ว่าคุณยอดคีรี ๕ ประการนั้นหรือ คือยอดคีรีนั้นสูงประการ ๑ คือยอดคีรีนั้นมิได้รู้หวั่นไหว ประการ ๑ คือ ยอดคีรีนั้นไม่มีใครจะขึ้นได้ประการ ๑ คือยอดคีรีนั้นหาพืชจะงอกมิได้รู้หวั่นไหว อนุนยปฏิฆวิปฺปยุตฺตํ คือยอดคีรีนั้นปราศจากความรักความชังประการ ๑ ยอดคีรีมีคุณ ๕ ประการฉะนี้ ยถา มีครุวนาฉันใด พระนิพพานนั้นไซร้ก็มีคุณ ๕ ประการเหมือนกัน คือสูงประการ ๑ มิได้หวั่นไหวประการ ๑ บุคคลจะได้โดยยากประการ ๑ กิเลสทั้งหลายงอกขึ้นมิได้ประกอบ ๑ ปราศจากความรักและความชังประการ ๑ สิริเป็นคุณ ๕ ประการ เปรียบดุจจอมคีรีนั้น บพิตร ผู้ทรงธรรมิกราชจงทราบในคุณพระนิพพานก็มี ในกาลบัดนี้              สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า สาธุ ภนฺเต นาคเสน ข้า แต่พระนาคเสนผู้ปรีชา สมฺปฏิจฺฉามิ โยมจะรับคำไว้ พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาไพเราะนักหนา
นิพพานปัญหา คำรบ ๕ จบเพียงนี้

             เนื้อความมิลินทปัญหา หน้าที่ ๔๕๒ - ๔๕๘. http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=179              สารบัญมิลินทปัญหา http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=0#item_179

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]