บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] หน้าต่างที่ ๖ / ๑๒. ข้อความเบื้องต้น พระจูฬสารีได้โภชนะเพราะทำเวชกรรม พระเถระฟังคำของพระจูฬสารีนั้นแล้ว ก็นิ่งเฉย หลีกไปแล้ว. ภิกษุทั้งหลายมาสู่วิหารแล้ว กราบทูลความนั้นแด่พระศาสดา. ผู้ตั้งอยู่ในอเนสนกรรมเป็นอยู่ง่าย ดังนี้แล้ว ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
แก้อรรถ อธิบายว่า อันบุคคลผู้เห็นปานนั้น อาจเรียกหญิงผู้มิใช่มารดานั่นแลว่า "มารดา บทว่า กากสูเรน ได้แก่ เช่นกาตัวกล้า. อธิบายว่า เหมือนอย่างว่า กาตัวกล้า ใคร่จะคาบวัตถุทั้งหลายมียาคูเป็นต้น ในเรือนแห่งตระกูลทั้งหลาย จับ ณ ที่ทั้งหลายมีฝาเรือนเป็นต้นแล้ว รู้ว่าเขาแลดูตน จึงทำเป็นเหมือนไม่แลดู เหมือนส่งใจไปในที่อื่น และทำเป็นเหมือนหลับอยู่ กำหนดความ แม้บุคคลผู้ไม่มีความละอายก็ฉันนั้นเหมือนกัน เข้าไปบ้านกับภิกษุทั้งหลายแล้ว ย่อมกำหนดที่ทั้งหลาย มีที่ตั้งแห่งยาคูแลภัตเป็นต้น, ภิกษุทั้งหลายเที่ยวไป ส่วนบุคคลนี้ไม่ทำอะไรๆ เป็นผู้บ่ายหน้าตรงไปยังบ้าน เขาแม้ถูก ____________________________ ๑- โถกํ กวาฏํ ปิธาย ปิดบานประตูหน่อยหนึ่ง. บทว่า ธํสินา ความว่า ชื่อว่าผู้มีปกติกำจัด เพราะเมื่อคนทั้งหลายกล่าวคำเป็นต้นว่า "พระเถระชื่อโน้น เป็นผู้มีความปรารถนาน้อย" กำจัดคุณของคนเหล่าอื่นเสีย ด้วยคำเป็นต้นว่า "ก็แม้พวกเราไม่เป็นผู้มีความปรารถนาน้อยดอกหรือ?" ก็มนุษย์ทั้งหลายฟังคำของคนเห็นปานนั้นแล้ว เมื่อสำคัญว่า "แม้ผู้นี้ก็เป็นผู้ประกอบด้วยคุณ มีความเป็นผู้ปรารถนาน้อยเป็นต้น" ย่อมสำคัญของที่ตนควรให้. แต่ว่าจำเดิมแต่นั้นไป เขาเมื่อไม่อาจเพื่อยังจิตของบุรุษผู้รู้ทั้งหลายให้ยินดี ย่อมเสื่อมจากลาภแม้นั้น. บุคคลผู้มีปกติกำจัดอย่างนี้ ย่อมยังลาภทั้งของตนทั้งของผู้อื่นให้ฉิบหายแท้. บทว่า ปกฺขนฺทินา ความว่า ผู้มักประพฤติแล่นไป คือผู้แสดงกิจของคนเหล่าอื่นให้เป็นดุจกิจของตน. เมื่อภิกษุทั้งหลายทำวัตรที่ลานพระเจดีย์เป็นต้นแต่เช้าตรู่ นั่งด้วยกระทำไว้ในใจซึ่งกัมมัฏฐานหน่อยหนึ่ง แล้วลุกขึ้น เข้าไปบ้านเพื่อบิณฑบาต, บุคคลนั้นล้างหน้า แล้วตกแต่งอัตภาพ ด้วยอันห่มผ้ากาสาวะมีสีเหลือง หยอดนัยน์ตาและทาศีรษะเป็นต้น ให้ประหารด้วยไม้กวาด ๒-๓ ทีเป็นดุจว่ากวาดอยู่ เป็นผู้บ่ายหน้าไปสู่ซุ้มประตู, พวกมนุษย์มาแต่เช้าตรู่ ด้วยคิดว่า "จักไหว้พระเจดีย์ จักกระทำบูชาด้วยระเบียบดอกไม้" เห็นเขาแล้ว พูดกันว่า "วิหารนี้" อาศัยภิกษุหนุ่มนี้ จึงได้การปฏิบัติบำรุง ท่านทั้งหลายอย่าละเลยภิกษุนี้" ดังนี้แล้ว ย่อมสำคัญของที่ตนพึงให้แก่เขา. อันบุคคลผู้มักแล่นไปเช่นนี้ เป็นอยู่ง่าย. บทว่า ปคพฺเภน ความว่า ผู้ประกอบด้วยความคะนองกายเป็นต้น. สองบทว่า สงฺกิลิฏฺเฐน ชีวิตํ ความว่า ก็อันบุคคลผู้เลี้ยงชีวิตเป็นอยู่อย่างนี้ ชื่อว่าเป็นผู้เศร้าหมองแล้ว เป็นอยู่. การเป็นอยู่นั้น ชื่อว่าเป็นอยู่ชั่ว คือเป็นอยู่ลามกแท้. บทว่า หิริมตา จ ความว่า อันบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยหิริและโอตตัปปะ เป็นอยู่ยาก. เพราะเขาไม่กล่าวคำว่า "มารดาของเรา" เป็นต้นกะหญิงผู้มิใช่มารดาเป็นต้น เกลียดปัจจัยที่เกิดขึ้น โดยไม่ชอบธรรมดุจคูถ แสวงหา (ปัจจัย) โดยธรรมโดยเสมอ เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอกสำเร็จชีวิตเป็นอยู่เศร้าหมอง. บทว่า สุจิคเวสินา ความว่า แสวงหากรรมทั้งหลาย มีกายกรรมเป็นต้นอันสะอาด. บทว่า อลีเนน ความว่า ไม่หดหู่ด้วยความเป็นไปแห่งชีวิต. สองบทว่า สุทฺธาชีเวน ปสฺสตา ความว่า ก็บุคคลเห็นปานนี้ ย่อมเป็นผู้ชื่อว่ามีอาชีวะหมดจด อันบุคคลผู้มีอาชีวะหมดจดแล้วอย่างนี้นั้น เห็นอาชีวะหมดจดนั้นแลโดยความเป็นสาระ ย่อมเป็นอยู่ได้ยาก ด้วยอำนาจแห่งความเป็นอยู่เศร้าหมอง. ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องภิกษุชื่อจูฬสารี จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท มลวรรคที่ ๑๘ |