บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
ว่าด้วยกุศลนิเทศ อีกอย่างหนึ่ง ในพระบาลีนั้น คำว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย นี้ตรัสหมายเอาความเป็นอุปนิสสยปัจจัย ด้วยเหตุนั้นแหละ ในนิเทศวาร จึงมิได้ทรงจำแนกว่า ตตฺถ กตมา อวิชฺชา (ในปัจจยาการนั้น อวิชชาเป็นไฉน) ทรงจำแนกว่า ตตฺถ กตโม อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร (ในปัจจยาการนั้น สังขารเกิดเพราะอวิชชา เป็นไฉน) เพราะสังขารกล่าวคือกุศลเจตนาอย่างเดียวเท่านั้น เกิดร่วมกับจิตในสมัยนั้น หาใช่อวิชชาไม่. ในพระบาลีนั้น อวิชชาเป็นปัจจัยแก่โลกิยกุศล โดยนัยที่กล่าวไว้ในสุตตันตภาชนีย์ในหนหลังนั้นแหละ ก็เพราะบุคคลยังละอวิชชาไม่ได้ จึงเจริญโลกุตรกุศล เพื่อละอวิชชา. ฉะนั้น สังขารคือกุศลเจตนานั้นจึงเป็นปัจจัยได้ด้วยอำนาจการก้าวล่วงอวิชชาแม้นั้น. จริงอยู่ เมื่อบุคคลยังมีอวิชชานั่นแหละ จึงประกอบกุศล การประกอบกุศลของบุคคลนอกนี้หามีไม่ ในการประกอบกุศลนั้น ย่อมได้การประกอบกุศลที่เป็นไปในภูมิ ๓ ด้วยอำนาจแห่งความลุ่มหลงบ้าง ด้วยอำนาจแห่งการเจริญเพื่อก้าวล่วงบ้าง ในโลกุตรกุศล ย่อมได้ด้วยอำนาจภาวนาตัดขาดฉะนี้แล. คำที่เหลือ มีนัยตามที่กล่าวแล้วนั่นแหละ. ส่วนความต่างกัน มีดังนี้ ในกุศลแต่ละอย่างในหนหลังได้กุศล ๑๖ หมวด รวม ๙ หมวด ด้วยอำนาจจตุกะละ ๔ ในที่นี้ไม่ได้เหมือนอย่างนั้น เพราะเหตุไร? เพราะอวิชชาไม่เป็นอวิคตปัจจัย สัมปยุตตปัจจัย อัญญมัญญปัจจัย. ก็ในกุศลมีอวิชชาเป็นมูลนี้ ย่อมได้จตุกะที่หนึ่งเท่านั้น ด้วยอำนาจอุปนิสสยปัจจัย แม้จตุกะที่หนึ่งนั้นก็ทรงแสดงย่อไว้เฉพาะวาระที่หนึ่งเท่านั้น แต่บัณฑิตก็ควรนำออกแสดง ฉะนี้แล. อวิชชามูลกกุศลนิเทศ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา วิภังคปกรณ์ ปัจจยาการวิภังค์ อภิธรรมภาชนีย์ อวิชชามูลกกุศลนิเทสเป็นต้น จบ. |