บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
|
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ [๒. ปุริสวิมาน]
๗. สุนิกขิตตวรรค ๗. กัณฐกวิมาน
๗. กัณฐกวิมาน ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่ม้ากัณฐกะ (พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรตนหนึ่งว่า) [๑๑๗๑] ในคืนวันเพ็ญ ดวงจันทร์มีรอยรูปกระต่าย เป็นใหญ่กว่าหมู่ดาว มีหมู่ดาวนักษัตรแวดล้อม โคจรไปโดยรอบฉันใด [๑๑๗๒] ทิพยวิมานนี้ก็มีอุปมาฉันนั้น น่าอยู่ มีรัศมีรุ่งโรจน์ในเทพบุรี เหมือนพระอาทิตย์กำลังอุทัย [๑๑๗๓] มีพื้นน่ารื่นรมย์ วิจิตรด้วยแก้วไพฑูรย์ ทองคำ แก้วผลึก เงิน แก้วลาย แก้วมุกดา และทับทิม [๑๑๗๔] ลาดด้วยแก้วไพฑูรย์ ปรางค์ปราสาททั้งหลายของท่าน งามน่ารื่นรมย์ ปราสาทซึ่งเนรมิตไว้ดีแล้ว [๑๑๗๕] สระโบกขรณีของท่านน่ารื่นรมย์ มีหมู่มัจฉาทิพย์อาศัยอยู่เนืองแน่น น้ำใสสะอาด มีพื้นลาดด้วยทรายทองคำ [๑๑๗๖] ดารดาษด้วยบัวหลวงหลากชนิด บัวขาวรายล้อมอยู่รอบ ยามลมพัด ก็โชยกลิ่นหอมระรื่นจรุงใจ [๑๑๗๗] ทั้งสองข้างสระโบกขรณีของท่านนั้น มีพุ่มไม้เนรมิตไว้ดีแล้ว ซึ่งประกอบด้วยไม้ดอกและไม้ผลทั้งสองอย่าง [๑๑๗๘] เทพอัปสรทั้งหลายพากันมาบำรุงท่านผู้นั่งบนบัลลังก์เท้าทองคำ ที่ปูลาดด้วยผ้าขนสัตว์อันอ่อนนุ่ม ดังบำรุงท้าวสักกเทวราช [๑๑๗๙] พวกนางแต่งองค์ด้วยเครื่องประดับทั้งมวล ประดับด้วยพวงดอกไม้ต่างๆ บำเรอท่านผู้มีฤทธิ์มากให้รื่นรมย์ ท่านรื่นเริงบันเทิงใจ ดังท้าววสวัตดีเทวราช {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๖ หน้า : ๑๔๗}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ [๒. ปุริสวิมาน]
๗. สุนิกขิตตวรรค ๗. กัณฐกวิมาน
[๑๑๘๐] ท่านมีความยินดีในการฟ้อนรำ ขับร้อง และประโคมดนตรี รื่นรมย์อยู่ด้วยกลอง สังข์ ตะโพน พิณ และบัณเฑาะว์ [๑๑๘๑] ท่านมีรูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะหลายอย่าง ล้วนเป็นทิพย์ น่ารื่นรมย์ สมความประสงค์ [๑๑๘๒] ในวิมานอันประเสริฐนั้น ท่านเป็นเทพบุตรผู้มีรัศมีรุ่งเรืองมาก มีผิวพรรณรุ่งโรจน์ยิ่ง ดังพระอาทิตย์กำลังอุทัย [๑๑๘๓] นี้เป็นผลของทาน หรือศีล หรือการกราบไหว้ของท่าน อาตมาถามแล้ว ท่านโปรดบอกผลกรรมนั้นแก่อาตมาเถิด [๑๑๘๔] เทพบุตรนั้นดีใจที่พระมหาโมคคัลลานเถระถาม จึงตอบปัญหาผลกรรมไปตามที่พระเถระถามว่า [๑๑๘๕] ข้าพเจ้าคือพญาม้ากัณฐกะ เป็นสหชาต๑- กับพระราชโอรสของ พระเจ้าสุทโธทนะในกรุงกบิลพัสดุ์ราชธานีที่อุดมของกษัตริย์ศากยวงศ์ [๑๑๘๖] คราวเมื่อพระราชโอรสพระองค์นั้นเสด็จออก เพื่อพระโพธิญาณในเวลาเที่ยงคืน พระองค์ทรงใช้ฝ่าพระหัตถ์ที่อ่อนนุ่ม มีพระนขาที่แดงปลั่ง [๑๑๘๗] กระตุ้นข้าพเจ้า และได้รับสั่งว่า พาไปซิ สหาย เราบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณอันสูงสุดแล้ว จักช่วยสัตว์โลกให้ข้ามโอฆสงสาร [๑๑๘๘] เมื่อข้าพเจ้าฟังพระดำรัสนั้น มีความหรรษาร่าเริงมาก คราวนั้นข้าพเจ้ามีใจยินดีเบิกบานรับพระดำรัส [๑๑๘๙] พอรู้ว่าพระศากยบุตรผู้ทรงยศใหญ่ประทับนั่งบนหลังข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าก็บันเทิงเบิกบานใจได้นำเสด็จพระมหาบุรุษออกไป @เชิงอรรถ : @๑ เกิดวันเดียวกัน (ขุ.วิ.อ. ๑๑๘๕/๓๗๒) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๖ หน้า : ๑๔๘}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ [๒. ปุริสวิมาน]
๗. สุนิกขิตตวรรค ๗. กัณฐกวิมาน
[๑๑๙๐] ถึงแคว้นของกษัตริย์เหล่าอื่น เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น พระมหาบุรุษนั้นก็ทรงละข้าพเจ้าและฉันนะอำมาตย์ไว้ มิได้ทรงอาลัย แล้วเสด็จหลีกไป [๑๑๙๑] ข้าพเจ้าได้เลียพระบาททั้งสองซึ่งมีพระนขาแดงของพระองค์ และได้ร้องไห้มองดูพระมหาวีระผู้กำลังเสด็จไป [๑๑๙๒] เพราะไม่ได้พบเห็นพระศากยบุตรผู้ทรงสิริพระองค์นั้น ข้าพเจ้าจึงป่วยหนักแล้วตายอย่างฉับพลัน [๑๑๙๓] ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ประกอบด้วยความเลื่อมใสนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงมาอยู่ครอบครองวิมานนี้ ซึ่งประกอบด้วยกามคุณทิพย์ทุกอย่าง ในเทพบุรีนี้เอง [๑๑๙๔] อนึ่ง เพราะมีความยินดีที่ได้ฟังข่าวการบรรลุพระโพธิญาณ เพราะมีกุศลเป็นมูลเหตุนั้นนั้นแหละ ข้าพเจ้าก็จักบรรลุความสิ้นอาสวะได้ [๑๑๙๕] ท่านผู้เจริญ ถ้าพระคุณเจ้าจะพึงไป สำนักพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอพระคุณเจ้าช่วยกราบทูลพระองค์ถึงการถวายอภิวาท ด้วยเศียรเกล้าตามคำของข้าพเจ้าด้วยเถิด [๑๑๙๖] แม้ข้าพเจ้าก็จักไปเฝ้าพระชินเจ้าซึ่งหาบุคคลอื่นเปรียบมิได้ เพราะว่าการได้เห็นพระโลกนาถผู้คงที่หาได้ยาก (พระสังคีติกาจารย์ได้รจนาคาถาไว้ ๒ คาถา ดังนี้ว่า) [๑๑๙๗] กัณฐกเทพบุตรนั้นเป็นผู้กตัญญูกตเวที เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ฟังพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุ แล้วชำระธรรมจักษุให้บริสุทธิ์๑- @เชิงอรรถ : @๑ บรรลุโสดาปัตติมรรค (ขุ.วิ.อ. ๑๑๙๗/๓๗๔) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๖ หน้า : ๑๔๙}
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ [๒. ปุริสวิมาน]
๗. สุนิกขิตตวรรค ๘. อเนกวัณณวิมาน
[๑๑๙๘] ครั้นชำระทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาสให้บริสุทธิ์แล้ว ถวายอภิวาทพระยุคลบาทพระศาสดาแล้วหายไป ณ ที่นั้นนั่นเองกัณฐกวิมานที่ ๗ จบ เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๖ หน้าที่ ๑๔๗-๑๕๐. http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=26&siri=81 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=26&A=2622&Z=2678 ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=81 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=26&item=81&items=1 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=30&A=7732 The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=26&item=81&items=1 The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=30&A=7732 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu26 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/vv81/en/kiribathgoda
บันทึก ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]