บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] หน้าต่างที่ ๕ / ๙. ข้อความเบื้องต้น ภิกษุหนุ่มกระสันอยากสึก ครั้งนั้น โรคเกิดขึ้นแก่บิดาของท่าน เขาเป็นผู้ใคร่จะได้เห็นบุตร (แต่) ไม่ได้ใครๆ ที่สามารถจะเรียกบุตรนั้นมาได้ จึงบ่นเพ้ออยู่ เพราะความโศกถึงบุตรนั่นแล เป็นผู้มีความตายอันใกล้เข้ามาแล้ว จึงสั่งน้องชายว่า "เจ้าพึงทำทรัพย์นี้ให้เป็นค่าบาตรและจีวรแก่บุตรของเรา" แล้วให้ทรัพย์ ๑๐๐ กหาปณะไว้ในมือของน้องชาย ได้ทำกาละแล้ว. ในกาลที่ภิกษุหนุ่มมาแล้ว น้องชายนั้นจึงหมอบลงแทบเท้าร้องไห้ กลิ้งเกลือกไปมา พลางกล่าวว่า "ท่านผู้เจริญ บิดาของท่านทั้งหลายบ่นถึงอยู่เทียว ทำกาละแล้ว ก็บิดานั้นได้มอบกหาปณะไว้ ๑๐๐ ในมือของผม, ผมจักทำอะไร? ด้วยทรัพย์นั้น." ภิกษุหนุ่มจึงห้ามว่า "เราไม่มีความต้องการด้วยกหาปณะ" ในกาลต่อมาจึงคิดว่า "ประโยชน์อะไรของเรา ด้วยการเที่ยวไปบิณฑบาตในตระกูลอื่นเลี้ยงชีพ เราอาจเพื่อจะอาศัยกหาปณะ ๑๐๐ นั้นเลี้ยงชีพได้ เราจักสึกละ." เธอถูกความไม่ยินดีบีบคั้นแล้ว จึงสละการสาธยายและพระกัมมัฏฐาน ได้เป็นเหมือนผู้มีโรคผอมเหลือง. ครั้งนั้น ภิกษุหนุ่มและสามเณรถามเธอว่า "นี่อะไรกัน?" เมื่อเธอตอบว่า "ผมเป็นผู้กระสัน" จึงพากันเรียนแก่อาจารย์และอุปัชฌาย์. ทีนั้น อาจารย์และอุปัชฌาย์เหล่านั้นจึงนำเธอไปยังสำนักของพระศาสดา แสดงแด่พระศาสดาแล้ว. พระศาสดาตรัสว่า "ภิกษุ ได้ยินว่า เธอกระสันจริงหรือ?" เมื่อเธอกราบทูลรับว่า "อย่างนั้น พระเจ้าข้า" ตรัสว่า "เพราะเหตุไร? เธอจึงได้ทำอย่างนั้น, ก็อะไรๆ ที่เป็นปัจจัยแห่งการเลี้ยงชีพของเธอมีอยู่หรือ?" ภิกษุ. มี พระเจ้าข้า. พระศาสดา. อะไร? ของเธอมีอยู่. ภิกษุ. กหาปณะ ๑๐๐ พระเจ้าข้า. พระศาสดา. ถ้ากระนั้น เธอจงนำก้อนกรวดมา แม้เพียงเล็กน้อยก่อน เธอลองนับดูก็จักรู้ได้ว่า เธออาจเลี้ยงชีวิตได้ด้วยกหาปณะจำนวนเท่านั้นหรือ หรือไม่อาจเลี้ยงชีวิตได้. ภิกษุหนุ่มนั้นจึงนำก้อนกรวดมา. ความอยากให้เต็มได้ยาก เมื่อเธอนับอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ กหาปณะ ๑๐๐ นั้น ย่อมไม่เพียงพอ. ครั้งนั้น พระศาสดาจึงตรัสกะเธอว่า "ภิกษุ กหาปณะของเธอมีน้อยนัก เธออาศัยกหาปณะเหล่านั้น จักให้ความทะยานอยากเต็มขึ้นได้อย่างไร? ได้ยินว่า ในอดีตกาล บัณฑิตทั้งหลายครองจักรพรรดิราชสมบัติ สามารถจะยังฝนคือรัตนะ ๗ ประการ ให้ตกลงมาเพียงสะเอวในที่ประมาณ ๑๒ โยชน์ด้วยอาการสักว่าปรบมือ แม้ครองราชสมบัติในเทวโลก ตลอดกาลที่ท้าวสักกะ ๓๖ พระองค์จุติไป ในเวลาตาย (ก็) ไม่ยังความอยากให้เต็มได้เลย ได้ทำกาละแล้ว" อันภิกษุนั้นทูลวิงวอนแล้ว ทรงนำอดีตนิทานมา ยังมันธาตุราชชาดกให้พิสดารแล้ว๑- ในลำดับแห่งพระคาถานี้ว่า :- พระจันทร์และพระอาทิตย์ (ย่อมหมุนเวียนไป) ส่องทิศให้สว่างไสวอยู่กำหนดเพียงใด, สัตว์ทั้งหลาย ผู้อาศัยแผ่นดินทั้งหมดเทียว ย่อมเป็นทาสของพระเจ้า มันธาตุราชกำหนดเพียงนั้น. ____________________________ ๑- ขุ. ชา. เล่ม ๒๗/ข้อ ๓๗๓; อรรถกถา ขุ. ชา. เล่ม ๒๗/ข้อ ๓๗๓ ได้ทรงภาษิต ๒ พระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ บทว่า อปฺปสฺสาทา คือ ชื่อว่ามีสุขนิดหน่อย เพราะค่าที่กามมีอุปมาเหมือนความฝันเป็นต้น. บทว่า ทุกฺขา คือ ชื่อว่ามีทุกข์มากแท้ ด้วยสามารถแห่งทุกข์อันมาในทุกขัก บทว่า อิติ วิญฺญาย คือ รู้กามทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยอาการอย่างนี้. บทว่า อปิ ทิพฺเพสุ ความว่า ก็ถ้าใครๆ พึงเชื้อเชิญด้วยกามอันเข้าไปสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลาย. ถึงอย่างนั้น ท่านย่อมไม่ประสบความยินดีในกามเหล่านั้นเลย เหมือนท่านพระสมิทธิ ที่ถูกเทวดาเชื้อเชิญฉะนั้น. บทว่า ตณฺหกฺขยรโต ความว่า เป็นผู้ยินดียิ่งในพระอรหัตและในพระนิพพาน คือปรารถนาพระอรหัตและพระนิพพานอยู่. ภิกษุโยคาวจรผู้เกิดในที่สุดแห่งการฟังธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ชื่อว่าพระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า. ในกาลจบเทศนา ภิกษุนั้นดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. เทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่บริษัทที่ประชุมกันแล้ว ดังนี้แล. ____________________________ ๑- ม. มู. มหาทุกขักขันธสูตร เล่ม ๑๒/ข้อ ๑๙๔. จูฬทุกขักขันธสูตร เล่ม ๑๒/ข้อ ๒๐๙. เรื่องภิกษุผู้ไม่ยินดี จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พุทธวรรคที่ ๑๔ |