บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บัณฑิตพึงทราบความที่สัจจะแม้ทั้ง ๔ เป็นกุศลเป็นต้น โดยทำนองแห่งนัยที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ในขันธวิภังค์นั่นแล แต่ในอารัมมณติกะทั้งหลาย สมุทยสัจจะเป็นปริตตารัมมณะแก่ผู้ยินดีอยู่ในกามาวจรธรรม เป็นมหัคคตารัมมณะแก่ผู้ยินดีอยู่ในมหัคคตธรรม เป็นนวัตตัพพารัมมณะแก่ผู้ยินดีอยู่ในบัญญัติธรรม. ทุกขสัจจะเป็นปริตตารัมมณะซึ่งปรารภกามาวจรธรรมเกิดขึ้น เป็นมหัคคตารัมมณะในกาลปรารภรูปาวจรธรรมและอรูปาวจรธรรมเกิดขึ้น เป็นอัปปมาณารัมมณะเกิดในเวลาพิจารณาโลกุตรธรรม ๙ เป็นนวัตตัพพารัมมณะในเวลาพิจารณาบัญญัติ. มรรคสัจจะเป็นมัคคเหตุกะ (มีมรรคเป็นเหตุ) แม้ในการทั้งปวง ด้วยสามารถเป็นสหชาตเหตุ เป็นมัคคาธิปติในเวลาเจริญมรรคกระทำวริยะหรือวิมังสาให้เป็นใหญ่ ชื่อว่าเป็นนวัตตัพพธรรมในเวลาที่ฉันทะและจิตอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอธิบดี. ทุกขสัจจะเป็นมรรคารัมมณะในเวลาพิจารณามรรคของพระอริยะ เป็นมัคคาธิบดีในเวลาพิจารณามรรคของพระอริยเจ้าเหล่านั้นนั่นเทียว กระทำให้หนักเป็นนวัตตัพพ บทว่า เทฺว สจฺจานิ (สัจจะ ๒)#- ได้แก่ ทุกขสัจจะและสมุทยสัจจะ เพราะสัจจะทั้ง ๒ เหล่านี้เป็นอารมณ์มีอดีตเป็นต้น ในเวลาที่ปรารภธรรมอันต่างด้วยอดีตเป็นต้นเกิดขึ้น สมุทยสัจจะย่อมเป็นอารมณ์มีอารมณ์ภายในเป็นต้น แก่บุคคลผู้ยินดีอยู่ในธรรมอันต่างด้วยธรรมมีอัชฌัตตะเป็นต้น. ทุกขสัจจะในเวลาเป็นอากิญจัญญายตนะ พึงทราบว่า เป็นนวัตตัพพารัมมณะก็มี. เพราะฉะนั้น ในปัญหาปุจฉกะนี้ สองสัจจะ (ต้น) เป็นโลกีย์ สองสัจจะ (หลัง) เป็นโลกุตระ ในปัญหาปุจฉกะนี้ฉันใด ในสุตตันตภาชนีย์และอภิธรรมภาชนีย์ทั้ง ๒ แม้ก่อนก็ฉันนั้น เพราะสัจจะที่เป็นโลกิยะและโลกุตระ พระสัมมาสัมพุทธะตรัสแล้วในการวรรณนาแม้ทั้ง ๓ มีสุตตันตภาชนีย์เป็นต้น แม้สัจจ ____________________________ #- บาลีข้อ ๒๒๔ สัจจวิภังคนิเทศ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา วิภังคปกรณ์ สัจจวิภังค์ ปัญหาปุจฉกะ จบ. |