![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | ||||||||||||||||
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] [๑๔] [๑๕] [๑๖] [๑๗] [๑๘] [๑๙] [๒๐] [๒๑] [๒๒] [๒๓] [๒๔] [๒๕] [๒๖] [๒๗] [๒๘] [๒๙] [๓๐] [๓๑] [๓๒] [๓๓] [๓๔] [๓๕] [๓๖] [๓๗] [๓๘] [๓๙] ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าต่างที่ ๘ / ๓๙. ข้อความเบื้องต้น พระศาสดาทรงบัญญัติครุธรรม ๘ ภิกษุทั้งหลายปรารภพระเถรีผู้มีอุปสมบทอันได้แล้วอย่างนั้น โดยสมัยอื่น สนทนากันว่า "อาจารย์และอุปัชฌายะของพระนางมหาปชาบดีโคตมี ย่อมไม่ปรากฏ พระนางถือเอาผ้ากาสายะทั้งหลายด้วยมือของตนเอง." ก็แล ครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว ภิกษุณีทั้งหลายประพฤติรังเกียจอยู่ ย่อมไม่ทำอุโบสถ ไม่ทำปวารณาร่วมกับพระนางเลย. ภิกษุณีทั้งหลายนั้นไปกราบทูลเนื้อความนั้นแม้แด่พระตถาคตแล้ว. ____________________________ #- ภิกษุณีถึงมีพรรษาตั้ง ๑๐๐ ต้องกราบไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทในวันนั้น ๑. ต้องอยู่จำพรรษาในอาวาสภิกษุ ๑. ต้องหวังต่อธรรมทั้ง ๒ คือ ถามอุโบสถและไปรับโอวาทจากภิกษุสงฆ์ทุกกึ่งเดือน ๑. ออกพรรษาแล้ว ต้องปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ๑. ต้องครุธรรมแล้ว พึงประพฤติปักขมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ๑. ต้องแสวงหาอุปสมบทแก่นางสิกขมานาผู้ศึกษาในธรรม ๖ สิ้น ๒ ปีแล้วในสงฆ์ ๒ ฝ่าย ๑. ด่าแช่งภิกษุไม่ได้ ๑. ปิดทางไม่ให้ภิกษุณีสอนภิกษุ เปิดทางให้ภิกษุกล่าวสอนอย่างเดียว ๑. วิ. จุลล. เล่ม ๗/ข้อ ๕๑๖. คนที่ควรเรียกว่าพราหมณ์ "ครุธรรม ๘ ประการ เราให้แล้วแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมี เราเองเป็นอาจารย์ เราเองเป็นอุปัชฌายะของพระนาง ชื่อว่าความรังเกียจในพระขีณาสพทั้งหลายผู้เว้นแล้วจากทุจริตทั้งหลายมีกายทุจริตเป็นต้น อันเธอทั้งหลายไม่ควรทำ". ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ สองบทว่า ตีหิ ฐาเนหิ ความว่า เราเรียกบุคคลผู้มีทวารอันปิดแล้ว เพื่อต้องการห้ามความเข้าไปแห่งทุจริตเป็นต้น โดยเหตุ ๓ มีกายเป็นต้นเหล่านั้นว่า เป็นพราหมณ์. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องพระนางมหาปชาบดีโคตมี จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖ |