บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] หน้าต่างที่ ๕ / ๙. ข้อความเบื้องต้น เด็กสองคนเล่นขลุบ ในเด็กสองคนนั้น บุตรของบุคคลผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ย่อมชนะ, เด็กคนนอกนี้ ย่อมแพ้. บุตรของบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น เห็นกิริยาของบุตรผู้เป็นสัมมาทิฏฐินั้นแล้ว คิดว่า "เพื่อนคนนี้ระลึกแล้วอย่างนั้น กล่าวแล้วอย่างนั้น ทอดขลุบไปจึงชนะเรา แม้เราก็จักทำอย่างนั้น (บ้าง)" ได้ทำการสั่งสมในพุทธานุสสติแล้ว. เด็กผู้เป็นสัมมาทิฏฐิไปป่ากับบิดา ลำดับนั้น โคของเขาเข้าไปสู่เมืองกับหมู่โคที่เข้าไปสู่เมืองในเวลาเย็น. ฝ่ายนายสากฏิกะเที่ยวติดตามโคอยู่ เข้าไปสู่เมืองแล้วในเวลาเย็น พบโคแล้วจูงออกไปอยู่ ไม่ทันถึงประตู ก็เมื่อเขายังไม่ทันถึงนั่นแหละ ประตูปิดเสียแล้ว. ขณะนั้น บุตรของเขาผู้เดียวเท่านั้น นอนแล้วในภายใต้แห่งเกวียน ในส่วนแห่งราตรี ก้าวลงสู่ความหลับแล้ว. เจริญพุทธานุสสติป้องกันอมนุษย์ได้ ในอมนุษย์ทั้งสองนั้น อมนุษย์ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิกล่าวว่า "เด็กคนนี้เป็นภักษาหารของพวกเรา พวกเราจงเคี้ยวกินเด็กคนนี้." อมนุษย์ผู้เป็นสัมมาทิฏฐินอกนี้ ห้ามอมนุษย์ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น ด้วยคำว่า "อย่าเลย ท่านอย่าชอบใจเลย." อมนุษย์ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น แม้ถูกอมนุษย์ผู้เป็นสัมมาทิฏฐินั้นห้ามอยู่ ก็ไม่เอื้อเฟื้อถ้อยคำของเขา จับเท้าเด็กคร่ามาแล้ว. ในขณะนั้น เด็กนั้นกล่าวว่า "นโม พุทฺธสฺส" เพราะความที่ตนเป็นผู้สั่งสมใน อมนุษย์รักษาและบำรุงเด็กผู้นอนในป่าคนเดียว ต่อมา อมนุษย์แม้ทั้งสองเป็นประดุจว่ามารดาและบิดาของเด็กนั้น ปลุกเด็กนั้นให้ลุก ในวันรุ่งขึ้น พวกราชบุรุษทำความโกลาหลอยู่ว่า "พวกโจรลักเอาภัณฑะ คือภาชนะไปจากราชตระกูลแล้ว" จึงปิดประตูทั้งหลายแล้วค้นดู เมื่อไม่เห็นในพระนคร จึงออกจากพระนคร ตรวจดูข้างโน้นและข้างนี้ จึงเห็นถาดอันเป็นวิการแห่งทองคำบนเกวียนที่บรรทุกฟืน จึงจับเด็กนั้น ด้วยความสำคัญว่า "เด็กนี้เป็นโจร" ดังนี้แล้ว แสดงแด่พระราชา. เด็กถูกไต่สวน ลำดับนั้น แม้มารดาและบิดาของเด็กนั้น ก็ได้ไปสู่ที่นั้นแล้ว. พระราชาทรงทราบความเป็นไปนั้นแล้ว ทรงพาชนทั้งสามนั้นไปสู่สำนักพระศาสดา กราบทูลความเป็นไปทั้งปวงแล้ว ทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พุทธานุสสติเท่านั้น ย่อมเป็นคุณชาติเครื่องรักษาหรือหนอแล? หรือว่าอนุสสติอื่น แม้มีธัมมานุสสติเป็นต้น ก็เป็นคุณชาติเครื่องรักษา." พระศาสดาทรงแสดงฐานะ ๖ เมื่อจะทรงแสดงฐานะ ๖ ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
แก้อรรถ บาทพระคาถาว่า สทา โคตมสาวกา ความว่า ชื่อว่าเป็นสาวกของพระโคดม เพราะความที่ตนเป็นผู้เกิดแล้วในที่สุดแห่งการฟังแห่งพระพุทธเจ้าผู้โคตมโคตร (และ) เพราะความเป็นคืออันฟังอนุสาสนีของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นนั่นแล. สองบทว่า พุทฺธคตา สติ ความว่า สติของชนเหล่าใดปรารภพระพุทธคุณทั้งหลาย อันต่างด้วยคุณมีว่า "อิติปิ โส ภควา" เป็นต้น เกิดขึ้นอยู่ มีอยู่ตลอดกาลเป็นนิตย์ ชนเหล่านั้นชื่อว่าตื่นอยู่ด้วยดีแม้ในกาลทุกเมื่อ. ก็ชนเหล่านั้น เมื่อไม่อาจ (เพื่อจะกระทำ) อย่างนั้นได้ ทำซึ่งพุทธานุสสติไว้ในใจ ในวันหนึ่ง ๓ เวลา ๒ เวลา (หรือ) แม้เวลาเดียว ชื่อว่าตื่นอยู่ด้วยดีเหมือนกัน. สองบทว่า ธมฺมคตา สติ ความว่า สติที่ปรารภพระธรรมคุณทั้งหลายอันต่างด้วยคุณมีว่า "สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม" เป็นต้น อันเกิดขึ้นอยู่. สองบทว่า สงฺฆคตา สติ ความว่า สติที่ปรารภพระสังฆคุณทั้งหลายอันต่างด้วยคุณมีว่า "สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ" เป็นต้นอันเกิดขึ้นอยู่. สองบทว่า กายคตา สติ ความว่า สติอันเกิดขึ้นอยู่ ด้วยสามารถแห่งอาการ ๓๒ ด้วยสามารถแห่งการอยู่ในป่าช้า ๙ ด้วยสามารถแห่งรูปฌานมีนีลกสิณอันเป็นไปในภายในเป็นต้น. สองบทว่า อหึสาย รโต ความว่า ยินดีแล้วในกรุณาภาวนา (การเจริญกรุณา) อันพระผู้มี บทว่า ภาวนาย ได้แก่ เมตตาภาวนา. จริงอยู่ ภาวนาที่เหลือแม้ทั้งหมด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์เอาในบทว่า "ภาวนาย" นี้ เพราะความที่กรุณาภาวนาพระองค์ตรัสไว้แล้วใน คำที่เหลือ ผู้ศึกษาพึงทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วในคาถาต้นนั้นเทียว. ในกาลจบเทศนา ทารกนั้นดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล พร้อมด้วยมารดาและบิดาแล้ว. ครั้นภายหลัง ชนแม้ทั้งหมดบวชแล้วบรรลุพระอรหัต. เทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่ชนผู้ประชุมกันแล้ว ดังนี้แล. เรื่องนายทารุสากฏิกะ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปกิณณกวรรคที่ ๒๑ |